Monday, January 19, 2009

[Sing Swim Sway.....] 25 New Entries: Bangkok is Sinking Under the Sea

Bangkok is Sinking Under the Sea

via Thai Photo Blogs by Richard Barrow on 11/17/08

Bangkok and neighbouring provinces are at risk of being swamped as sea levels rise, according to warnings at the recent Intergovernmental Panel on Climate Change meeting. The capital rests about 3½ to 5 feet above the nearby gulf, although some areas already lie below sea level. The gulf's waters have been rising by about a tenth of an inch a year. But the city, built on clay rather than bedrock, has also been sinking at a far faster pace of up to 4 inches annually as its population and factories pump some 2.5 million cubic tons of water out of its aquifers. This compacts the layers of clay and causes the land to sink. The capital could be under the sea as early as 15-20 years. These pictures were taken at Samut Prakan this morning as high tide flooded the city center. There has been no rain for the last several weeks. (Richard Barrow/ThaiPhotoBlogs.com)

Click to see more pictures of High Tide Flood in Samut Prakan.

Featured Freeware: Books

Books is a free tool that can help you organize your book collection, acting as a sort of iTunes for physical books. This virtual card catalog lets you classify all the books you own using pre-defined fields like title, author, and publication date. You can also create your own.

Books also lets you track and store summaries, cover images, personal reviews and ratings, notes on multiple copies of a single book, and more--and it even helps you track a books lending history. Smart Lists, much like iTunes' Smart Playlists, let you group books by criteria--for example, by author, genre, or publication period. Books also imports another great feature from the music world: the online database. Using Web sites such as Amazon.com, Books can "quickfill" fields. Type in the ISBN for any tome and Books will auto-fill much of the books metadata and even pull in a cover image.

Books also gives you export options in case you want to use your book list elsewhere, letting you export into HTML, PDF, onto your iPod, or even just as tab-delimited text, in case you want to drop it all into Excel. In addition to being free, Books is also open-source so that means if you're a developer, the sky is the limit for tweaking Books and creating localizations and custom plug-ins. It also means a lot of users have pitched in to help Books' conscientious and responsive developer, giving this tool a life beyond what it might have otherwise.


ปลื้มระนองส่งออกโตกว่า 30% + หอฯแนะรักษาลูกค้าหม่อง ที่เซ็งคุณภาพสินค้าจีนให้อยู่หมัด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2360 24/09/2008

พม่าเลิกเห่อสินค้าจีน เหตุคุณภาพต่ำ หวนมาใช้สินค้าไทย ผู้ประกอบการไทย ปลื้ม ยอดส่งออกเติบโตกว่า 30% หอฯระนองระบุตลาดมืดยังคึกคักถึง 65% พร้อมให้เดินกลยุทธ์รักษาลูกค้าหม่องให้อยู่มือ

นายพงษ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรจังหวัดระนอง กล่าวว่าการค้า-ส่งออกไทย-พม่าขณะนี้ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก ยอดการนำเข้า-ส่งออกขยับเพิ่มขึ้นกว่า 30% สวนทางกับเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ ที่สำคัญยังมีหลายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ หลายตัวที่กำลังเป็นสินค้าดาวรุ่งที่กำลังได้รับความนิยมในพม่า


"สถิติสินค้านำเข้า-ส่งออก เฉพาะที่ผ่านทางด่านศุลกากรระนองในช่วงเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา มียอดการนำเข้าทั้งหมด 247,115,768 บาท ส่วนยอดการส่งออกที่พม่านำเข้าจากไทยหรือสั่งซื้อจากไทยจำนวน 830,528,356 บาท โดยในกลุ่มสินค้าส่งออกมีสินค้าหลายๆ ตัวที่มียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมากอาทิน้ำมันพืช เดือน ส.ค.ที่ผ่านมามีการส่งออก 38,937,980 บาท,เครื่องดื่มต่างๆ 30,765,978 บาท,ครีมเทียม,โอวัลติน 19,054,689 บาท ,เครื่องดื่มให้พลังงาน 15,952,847 บาท,เวชภัณฑ์ยา 11,386,737 บาท,ขนม 3,370,273 บาท,นมสด,นมข้น 1,732,240 บาท"

นายดำรง ขจรมาศบุษย์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง และผู้ส่งออกยารายใหญ่ กล่าวว่า ตลาดการค้าไทย-พม่าที่ถูกต้อง คิดเป็นสัดส่วนเพียง 35% เท่านั้น ที่เหลืออีก 65% เรียกว่าตลาดมืด คือตลาดที่มีการส่งออกโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร ซึ่งหากตัวเลขทางด่านศุลกากร ที่มีอัตราการขยายตัว แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้บรรยากาศการค้า ในส่วนของตลาดมืด ก็คึกคักเช่นเดียวกัน

"จากกรณีที่สินค้าจากจีนมีปัญหา ถือเป็นจังหวะที่ดีที่ สินค้าจากไทยจะกลับมาหวนคืนยึดตลาดพม่าอีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่กลุ่มผู้ค้าคนไทย ว่าจะปฏิบัติอย่างไร หรือมีแนวทางการทำตลาดอย่างไรเพื่อที่จะยืนหยัดอยู่ในตลาดพม่า ไม่เกิดปัญหาเช่นที่ผ่านมา"

นายธีระพล ชลิศราพงษ์ นักธุรกิจค้าชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าสภาวะตลาดการค้าขาย ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยเฉพาะด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง รวมถึงบรรยากาศค้าขายโดยทั่วไป ระหว่างไทยกับพม่าว่าขณะนี้บรรยากาศการค้าขายสุดคึกคัก เนื่องจากผู้ประกอบการชาวพม่าจำนวนมากเริ่มไม่พอใจสินค้าจากจีน

"วันนี้พม่ามีความต้องการสินค้าจากไทยมากด้วยเหตุผล 2 ปัจจัยหลักคือ หนึ่งผลจากความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ พม่าเริ่มฟื้นตัวได้ จึงทำให้ความต้องการบริโภคขยับพุ่งตามไปด้วย ประกอบกับ โรงงานผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค ในพม่าจำนวนหลายร้อยโรง ประสบความเสียหายจากภัยพิบัติ อีกปัจจัยคือ คุณภาพของสินค้าจากประเทศจีน ยังไม่ค่อยจะได้มาตรฐานมากนัก ทำให้ชาวพม่าเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ และลังเลที่ จะซื้อสินค้าจากจีน แม้ว่าราคาจะต่ำกว่าสินค้าไทย แต่ส่วนหนึ่งจึงหันกลับมาสั่งซื้อสินค้าจากไทย ส่งผลให้ ยอดการส่งออกสินค้า จากประเทศไทยช่วงตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมาขยับสูงกว่าช่วงปกติ 30-40%"

นายธีระพลกล่าวต่อว่าชาวพม่าแบ่งระดับสินค้าที่จำหน่ายในพม่าเป็น 5 ระดับตามราคาและคุณภาพของตัวสินค้า สำหรับสินค้าจากไทย ถือเป็นสินค้าระดับคุณภาพเกรดเอ ส่วนสินค้าจากประเทศจีนเป็นสินค้าคุณภาพต่ำ แต่มีข้อได้เปรียบคือ มีราคาถูกกว่าสินค้าจากไทย ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาสินค้าจากจีนหลายๆ ตัวโดยเฉพาะ สินค้าประเภท อุปโภค-บริโภค สามารถเข้ามาเบียดแย่ง และยึดครองตลาดในพม่าได้เป็นจำนวนมาก

"แต่จากปัญหาคุณภาพของสินค้าที่มีมาอย่างต่อเนื่องของจีน ส่งผลให้ ชาวพม่าขาดความเชื่อมั่นลงไปเรื่อยๆ เริ่มจากสินค้า ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ก่อนหน้านี้สินค้าจากไทย ถูกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกเบียดแย่งตลาดไปกว่าครึ่ง แต่ปัจจุบัน ปรากฏว่าความนิยมในสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีน ลดลงเป็นอย่างมาก เกิดจากปัญหาด้านคุณภาพที่ไม่ทนทาน ดังนั้นสินค้าไทยจึงสามารถเบียดแย่งตลาดคืนกลับมาได้"

นอกจากนี้สินค้าอีกหลายๆตัว ที่โดนสินค้าจากจีนแย่งตลาดอาทิผลิตภัณฑ์ยา,เครื่องดื่ม,อาหารกระป๋อง,นม,ขนม,น้ำมันพืช,บะหมี่ แต่วันนี้ปรากฏว่า สินค้าเหล่านั้นต่างมียอดการสั่งซื้อ กลับเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นช่วงโอกาสที่ดี ที่ผู้ค้าและผู้ประกอบการจากไทย จะใช้จังหวะนี้เบียดแย่งตลาดการค้าในพม่ากลับคืนมาจากจีน

ยาสีฟัน ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด



เมื่อพูดถึง "ยาสีฟัน" ทุกคนก็ต้องนึกถึงครีมที่ใช้ทำควาสะอาดฟัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยาสีฟันไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำให้ฟันขาว สะอาด แข็งแรง อย่างเดียวเท่านั้น แต่ในหลายๆสถานการณ์ ยาสีฟัน ก็มีประโยชน์กับเราเช่นกัน เรามาลองดูกันนะคะว่า ยาสีฟันใช้ประโยชน์อะไรได้อีกบ้าง

• ทำความสะอาด คราบและรอยขีดข่วนบนพื้นผิววัสดุ

• ขัดหน้าปัดนาฬิกา แตะกับเศษผ้าสักหลาดแล้วขัดเบา ๆ

• ช้อน ส้อม สเตนเลส ขัดถูด้วยผ้านุ่ม

• รอยขีดข่วนบนกระจกปูโต๊ะ ป้ายที่รอยแล้วใช้ผ้านุ่มขัดเบา ๆ

• รอยสกปรกบนโต๊ะพลาสติก

• เครื่องประดับเงินแท้ แตะสำลีหรือผ้านุ่ม ๆ ขัดถู

• หัวก็อกน้ำ ใช้เศษยาสีฟันที่ร่วงขณะแปรงฟันขัดถูหัวก็อก จะเงาเป็นประกาย

• บรรเทาอาการแสบร้อน

• โดนน้ำร้อนกระเด็นใส่ หรือน้ำมันจากกระทะกระเด็นใส่ ให้ป้ายยาสีฟันที่แผลจะบรรเทาอาการแสบร้อนได้ (ไม่แนะนำกรณีบาดแผลกว้าง ควรปฐมพยาบาลด้วยการใช้น้ำเย็นจัดราดที่แผลหรือผ้าชุบน้ำเย็นจัดโปะแผล)

• กลบเกลื่อนร่องรอย

• คราบลิปสติกที่ติดเสื้อ ใช้ยาสีฟันทารอยเปื้อนแล้วซักตามปกติ

• กลิ่นแรงที่ติดมือหลังทำครัว อย่างกลิ่นกระเทียม หอม แตะยาสีฟันเล็กน้อยแล้วล้างมือกับสบู่ กลิ่นจะหายไป

ေကာ့ေသာင္းတြင္ ဆုိင္ကယ္ေစ်းမ်ား အဆမတန္ ျမင့္တက္

ႏြယ္ေလး။ - NMG NEWS

စက္တင္ဘာလ ၂၂ ရက္၊ ၂၀၀၈ ခုႏွစ္။

တရားမ၀င္ဆုိင္ကယ္မ်ားကို လိုင္စင္ ျပဳလုပ္ေပးမည့္ သတ္မွတ္ရက္ ကုန္ဆံုးခိ်န္ နီးကပ္လာသျင့္ ထိုင္း-ျမန္မာ နယ္စပ္ ေကာ့ေသာင္းျမိဳ႕တြင္ ဆိုင္ကယ္မ်ား ေစ်းအဆမတန္ တက္သြားသည္ဟု ေကာ့့ေသာင္း ေဒသခံမ်ားက ေျပာသည္။

ျမိတ္၊ ထား၀ယ္ျမိဳ႕ဆုိင္ကယ္ပဲြစားမ်ားက ေကာ့ေသာင္းျမိဳ႕သို႔လာေရာက္ကာ ထုိင္းႏုိင္ငံ ရေနာင္းၿမိဳ႕တြင္ ဆိုင္ ကယ္ အစီးေရ ေသာင္းနွင့္ခ်ီ လာေရာက္၀ယ္ယူေနသျင့္ ဆိုင္ကယ္ေစ်း ျမွင့္တက္လာျပီး ေစ်းကြက္တြင္ ျပတ္လပ္လုနီးပါး စ္ေနသည္ဟု ေကာ့ေသာင္းေဒသခံတဦးက ယခုလိုသည္။

"ဆိုင္ကယ္တစ္စီးကို ဟုိဘက္ကမ္းမွာ ဘတ္ေငြနဲ႕ ေလးေသာင္းခဲြ၊ ေလးေသာင္း ေျခာက္ေထာင္ ေလာက္ရွိတယ္။ ဒီဘက္ကမ္းမွာ ငါးေသာင္းခုနွစ္ေထာင္ေလာက္ ေပါက္တယ္။ ခုေစ်း။ အရင္က ငါး ေသာင္းတစ္ေထာင္ ငါးေသာင္း နွစ္ေထာင္။ ငါးေသာင္း ေက်ာ္ေက်ာ္ပဲရွိတာ။ ခုက ခုနွစ္ေထာင္ ေလာက္တက္သြားတာေပါ့။ လိုင္စင္လုပ္ေပးမွ တျည္းျဖည္း တက္လာတာေပါ့ေနာ္။ လိုင္စင္လုပ္ေပး ေတာ့ ၀ယ္သမားမ်ားလာေတာ့ ေစ်းက တက္လာတာေပါ့။ သယ္ရတဲ့ လမ္းေၾကာင္းေတြကလဲ မတရား လမ္းေၾကာင္းက သယ္ၾကတာဆိုေတာ့ ေစ်းကမတရား တက္တာေပါ့"

ျမန္မာႏိုင္ငံအတြင္း တရားမ၀င္တင္သြင္းထားေသာ ဆုိင္ကယ္မ်ားကို ဇူလုိင္လ(၁)ေန႕မွ စတင္ကာ ေအာက္တို ဘာလ(၃၁) ေန႕အထိ ျမန္မာႏိုင္ငံ ကုန္းလမ္းပို႕ေဆာင္ ဆက္သြယ္ေရး ညြန္ၾကားမႈ ဦးစီးဌာနမွ လုိင္စင္ျပဳလုပ္ ေပးေနသည္။

ထိုင္းႏိုင္ငံဘက္မွာ အမ်ားဆံုး တင္သြင္းေနသည့္ ဆိုင္ကယ္အမ်ိဳးစားမွာ Dream နွင့္ Wave ဟြန္ဒါအမ်ိဳးအစား စ္ျပီး ယာမဟာနွင့္ အျခားဆိုင္ကယ္ အမ်ိဳးအစားမ်ားလည္း တင္သြင္းေနသည္။

ေကာ့ေသာင္းျမိဳ႕၌ ဆိုင္ကယ္ လိုင္စင္ ျပဳလုပ္ေပးရာတြင္ ဆိုင္ကယ္အမ်ဳိး အစားအေပၚ မူတည္၍ ေရေဘးရံပံုေငြ အတြက္ ေကာက္ခံေနေၾကာင္း ဆုိင္ကယ္လုိင္စင္ အသစ္ ျပဳလုပ္သူ တဦး က ေျပာသည္။

"ရံပုံေငြက ေရေဘးဒုကၡသည္တြက္တဲ့။ ေရေဘးဒုကၡသည္ဆီ ေရာက္မေရာက္မသိဘူး။ အေကာက္ခြန္ ဦးဌာနက ေကာက္တယ္။ အဖဲြ႕စံုပါပဲ ေကာက္တာ။ ကညနရံုးမွာ အခြန္သြားေဆာင္ရတယ္။ အဲမွာ တစ္ခါတည္းတ္တာ။ အခြန္ဦးစီးက ဘယ္ေလာက္ ဟုိဟာက ဘယ္ေလာက္ ဒီဟာက ဘယ္ေလာက္ ေပါ့ဗ်ာ။ ျပီး ေရေဘးဒုကၡသည္တြက္က သီးသန္႕ငါးေသာင္း အဲဒါက အလွဴေငြ။ အဓိကေဆာင္ခိုင္းတာ က ေရေဘးဒုကၡသည္တြက္ ရံပံုေငြေပါ့ဗ်ာ။ အဲဒါ က်ေနာ္တို႕ ဟြန္ဒါအမ်ိဳးစား ဒရင္းမ္၊ ၀မ္းတူးဖိုက္ ေတြ အားလံုးက နွစ္သိန္းရွစ္ေသာင္း။ က်န္တဲ့ ေ၀့ဗ္ တစ္ရာက်ေတာ့ နည္းနည္း ေစ်းေလ်ာ့တယ္ နွစ္ သိန္း ငါးေသာင္း နွစ္သိန္းေျခာက္ေသာင္း ေလာက္ေပါ့။"

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

*3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออนหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ > มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปว ดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

*8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

*13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ

****ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma)ค ือเนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ ส่วนอันนี้เค้าฟอเวิร์ดติดมาด้วย

ถึงท่านผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิดสำหรับมะเร็งจะหายภายใน 6 วัน

วิธีรักษา - ไปที่ร้านยาจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึงก้อนเกลือ 3 ก้อน นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม ให้ดื่มจนหมดชาม

สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้ว ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ นำส่วนที่เหลือมารับประทาน

ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ


14 ที่สุดในชีวิตเรา

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง

2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์

11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล

14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่! สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน

ျမန္မာႏိုင္ငံ၏ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ ပိုလာ

အျပည္ျပည္ဆိုင္ရာ ထင္သာျမင္သာရွိမႈအဖြဲ႔ (Transparency International - TI) ၏ ေနာက္ဆံုး ထုတ္ျပန္လိုက္ေသာ စစ္တမ္းအရ ျမန္မာ့ လူ႔အဖြဲ႔အစည္းသည္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ ပိုမိုလာခဲ့သည္ဟု ဆို ...

ခ်င္းမုိင္။ ။ အျပည္ျပည္ဆိုင္ရာ ထင္သာျမင္သာရွိမႈအဖြဲ႔ (Transparency International - TI) ၏ ေနာက္ဆံုး ထုတ္ျပန္လိုက္ေသာ စစ္တမ္းအရ ျမန္မာ့ လူ႔အဖြဲ႔အစည္းသည္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ ပိုမိုလာခဲ့သည္ဟု ဆိုပါသည္။

ယမန္ေန႔က ထုတ္ျပန္ခဲ့ေသာ အစီရင္ခံစာအရ ေလ့လာ စူးစမ္းမႈမ်ား ျပဳလုပ္ခဲ့ေသာ ႏိုင္ငံေပါင္း ၁၈ဝ အနက္ ျမန္မာႏိုင္ငံသည္ လာဘ္စားမႈ သေဘာထား အျမင္အညႊန္း (Corruption Perceptions Index – CPI) ၌ ေအာက္ဆံုးအဆင့္ ဆိုမာလီယာႏိုင္ငံ ၿပီးလွ်င္ ဒုတိယအဆိုးဆံုး ႏိုင္ငံအျဖစ္ အီရတ္ႏိုင္ငံႏွင့္ အမွတ္တူ ရွိေနသည္ဟု ဆိုပါသည္။

သို႔ေသာ္ ဤေလ့လာေတြ႔ရွိခ်က္သည္ ျမန္မာႏိုင္ငံအတြက္ တခုလံုး ျခံဳသည့္အဆင့္တခု မဟုတ္ဘဲ ပွ်မ္းမွ်အဆင့္မွ်သာ ရွိေနပါသည္။ TI က အသံုးျပဳေသာ အဆင့္သတ္မွတ္ခ်က္ ဇယားတြင္ အဆင့္သုညမွ တဆယ္အထိရွိၿပီး၊ အဆင့္သုညသည္ လာဘ္စားမႈ အဆိုးဝါးဆံုး အေျခအေနကို ျပသည္။

ဤသတ္မွတ္ခ်က္အရ ျမန္မာႏိုင္ငံ၏ အဆင့္သည္ ၂ဝဝ၆ ခုႏွစ္တြင္ အဆင့္ ၁.၉ ရွိရာမွ ေနာက္ဆံုး ေလ့လာခ်က္တြင္ အဆင့္ ၁.၃ သို႔ က်ဆင္းသြားခဲ့သည္။ ဤအဆင့္သည္ TI က ေစာင့္ၾကည့္ ေလ့လာခဲ့ေသာ ျမန္မာႏိုင္ငံအေပၚ ေလ့လာမႈမ်ား၌ အနိမ့္ဆံုးအဆင့္ ျဖစ္သည္။

ရယ္စရာေကာင္းသည္မွာ ၂ဝဝ၇ ခုႏွစ္တြင္ ျမန္မာႏိုင္ငံႏွင့္ အမွတ္တူ ေနာက္ဆံုးအဆင့္တြင္ ရွိခဲ့သည့္ ဆိုမာလီယာထက္ ယခုႏွစ္တြင္ အဆင့္တဆင့္ တက္လာခဲ့ျခင္း ျဖစ္သည္။

TI ၏ အေျပာအရ ဤအညႊန္းကိန္းသည္ "ျပည္သူပိုင္ က႑၌ရိွေသာ အက်င့္ပ်က္ ျခစားမႈမ်ားကို ဗဟိုျပဳ ေလ့လာျခင္း ျဖစ္ၿပီး၊ အက်င့္ပ်က္ ျခစားမႈကို အဓိပၸါယ္ သတ္မွတ္ရာတြင္ "ကိုယ္က်ဳိးစီးပြါးအတြက္ ရာထူး အရွိန္အဝါကို အလြဲသံုးစား ျပဳျခင္းျဖစ္သည္"။ တိုင္းျပည္၏ ရမွတ္ကို တြက္ခ်က္ရာတြင္ ကၽြမ္းက်င္သူ အမ်ားအျပားႏွင့္ စီးပြါးေရး စစ္တမ္းမ်ားကို အေျခခံ တြက္ခ်က္ျခင္း ျဖစ္သည္။

ယမန္ႏွစ္က ေတြ႔ရွိခ်က္မ်ား အတိုင္းပင္ ယခု ေတြ႔ရွိမႈမ်ား အရလည္း CPI သည္ "ဆင္းရဲမြဲေတမႈ၊ အဖြဲ႔အစည္းစနစ္မ်ား က်ဆံုးျခင္းတို႔ႏွင့္ ဤလာဘ္စားမႈ ဆိုးဆိုးဝါးဝါး ဆက္ႏြယ္ေနသည္ကို မီးေမာင္းထိုးျပလ်က္ ရွိသည္" ဟု အျပည္ျပည္ဆိုင္ရာ ေစာင့္ၾကည့္ ေလ့လာေရး အဖြဲ႔ၾကီးက ေျပာၾကားထားပါသည္။

"ဝင္ေငြနည္း ႏိုင္ငံမ်ားတြင္ ျဖစ္ေစ၊ ဝင္ေငြမ်ား ႏိုင္ငံမ်ားတြင္ ျဖစ္ေစ၊ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈကို ေျဖရွင္း ကိုင္တြယ္ႏိုင္ရန္ အလုပ္ျဖစ္ လည္ပတ္ေနေသာ လူ႔အဖြဲ႔အစည္းဆိုင္ရာႏွင့္ အစိုးရဆိုင္ရာ အဖြဲ႔အစည္းၾကီးမ်ား လိုအပ္သည္။ ပိုမိုဆင္းရဲ မြဲေတေသာ ႏိုင္ငံမ်ားအတြက္မူ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားေသာ တရားစီရင္ေရးစနစ္ လႊမ္းမိုးေနျခင္းကို မၾကာခဏ ေတြ႔ရၿပီး ထိေရာက္မႈမရွိသည့္ ပါလီမန္စနစ္ကိုလည္း မ်က္စိလွ်မ္းေနၾကသည္" ဟု TI ၏ ကမၻာလံုးဆိုင္ရာ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ ေလ့လာစူးစမ္းမႈတြင္ ဆက္လက္ ေဖၚျပထားပါသည္။

အေျခခံက်ေသာ္ ျပႆနာမ်ား၏ ဗဟိုခ်က္မ၌ ရွိေနေသာ ျပည္သူပိုင္ က႑၌ စနစ္ၾကီးတခုလံုး အေနျဖင့္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈမ်ား ျဖစ္ေပၚေနျခင္းကို ကိုင္တြယ္ရန္အတြက္ ကမၻာ့ ကုလသမဂၢ အေထြေထြ ညီလာခံကို ရည္ရြယ္ထားသည့္ ဤအစီရင္ခံစာ ျပဳစုတင္ျပသူမ်ား၏ သတင္းစကားတြင္ "အလႉရွင္ႏိုင္ငံမ်ား အေနႏွင့္ မိမိတို႔ ေပးအပ္လိုက္ေသာ ဖြံ႔ၿဖိဳးေရး အကူအညီမ်ားကို အကူအညီ လက္ခံေသာ ႏုိင္ငံမ်ားရွိ အစုိးရ အဖြဲ႔အစည္းမ်ာ းခိုင္မာေအာင္ လုပ္ေရးႏွင့္ ဤ အခ်က္ကို မ်က္စိလွ်မ္းမသြားေစေရးကို ေသခ်ာေအာင္ ဂ႐ုျပဳရန္လိုေၾကာင္း၊ သို႔မွသာ ဤဖြံ႔ၿဖိဳးမႈ အကူအညီမ်ား စီးဆင္းရာတြင္ အလြဲသံုးစားမႈႏွင့္ အဂတိ လိုက္စားမႈမ်ားမွ ကာကြယ္ႏိုင္မည္ ျဖစ္ေၾကာင္း" ေျပာဆိုထားၾကပါသည္။

မည္သို႔ပင္ဆိုေစ ဤ TI ၏ အဂတိလိုက္စားမႈကို ကုစားရန္ နည္းလမ္းမ်ားမွာ ျမန္မာႏိုင္ငံ၏ လတ္တေလာ ႏိုင္ငံေရး အၾကပ္အတည္း၊ ႏိုင္ငံတကာ မ်က္ႏွာစာတြင္ ရွိေနေသာ အဆင့္အတန္း ႏွင့္ ႏိုင္ငံအေပၚ ခ်မွတ္ထားေသာ ရွည္လ်ားလွသည့္ ပိတ္ဆို႔မႈ စာရင္းရွည္ၾကီးမ်ားေၾကာင့္ လက္ေတြ႔တြင္ ထိထိေရာက္ေရာက္ အလုပ္ျဖစ္မျဖစ္ ဆိုသည္မွာ မေသခ်ာပါ။

ေဒသအလိုက္ အေျခခံျဖင့္ၾကည့္လွ်င္ တခုလံုးအေနျဖင့္ အာရွပစိဖိတ္ ေဒသသည္ အေျခအေန ဆိုးလွၿပီး၊ ေဒသတြင္း ၃၂ ႏိုင္ငံအနက္ ၂၂ ႏိုင္ငံတြင္ သူသတ္မွတ္ထားသည့္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမ ရွိေနျခင္းေၾကာင့္ ဤေဒသသည္ "ျပည္သူပိုင္က႑တြင္ ဆိုးဝါးသည့္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ ျပႆနာ" ရွိေနသည္ဟု ဆိုပါသည္။

ျမန္မာႏိုင္ငံ၏ ပွ်မ္းမွ်အမွတ္ ၁.၃ ေၾကာင့္ ဤဆင္းရဲမြဲေတသည့္ အေရွ႔ေတာင္အာရွႏိုင္ငံသည္ အၾကပ္အတည္းမ်ား ျပည့္ႏွက္ေနသည့္ ႏိုင္ငံမ်ားျဖစ္ေသာ ဆူဒန္၊ အာဖဂန္နစၥတန္ ႏွင့္ ေဟတီႏိုင္ငံ တို႔ေနာက္တြင္ ကပ္လ်က္ ရွိေနသည္။

၂ဝဝ၈ ခုႏွစ္အတြက္ အက်င့္ပ်က္ လာဘ္စားမႈ အနည္းဆံုး ႏိုင္ငံမ်ားအျဖစ္ စံတင္ ေဖၚျပခံရသည့္ ႏိုင္ငံမ်ားမွာ ဒိန္းမတ္၊ ဆြီဒင္ ႏွင့္ နယူးဇီလန္ႏိုင္ငံတို႔ ျဖစ္ၿပီး ထိုႏိုင္ငံမ်ားသည္ အမွတ္ ၉.၃ ရရွိသည္။

TI သည္ ယင္း၏ ႏွစ္စဥ္ထုတ္ျပန္ေသာ အစီရင္ခံစာကို ၁၉၉၅ ခုႏွစ္မွ စတင္၍ ထုတ္ျပန္ခဲ့သည္။

စားေသာက္ဆုိင္မ်ားတြင္ တားျမစ္ဆုိးေဆးမ်ား ေတြ႔ရွိ

via khitlunge ျပည္တြင္းသတင္း on 9/24/08 အစားအစာေတြကို ဆုိးေဆးႏွင့္ အေရာင္တင္ရာတြင္ သံုးစြဲခြင့္ျပဳထားသည့္ ဆုိးေဆး(Permitted"Food Color)ႏွင့္စားေသာက္ကုန္ ဆုိးေဆး(Food Grate Dyer) မ်ားမသံုးပဲ ေစ်းသက္သာၿပီး၊ လိုအပ္"သည့္ အေရာင္းလြယ္လြယ္ႏွင့္ရရွိႏုိင္သည့္ စက္မႈသံုး ဆိုးေဆးမ်ားကို အသံုးျပဳလာၾကျခင္းက စားသံုး"သူမ်ား၏ က်န္းမာေရးကိုစိုးရိမ္စရာျဖစ္လာသည္။ ေန႔စဥ္စား စားေသာက္ကုန္ေစ်းကြက္အတြင္း သံုးစြဲ"ခြင့္မျပဳသည့္ ဆိုးေဆးမ်ား အသံုးျပဳေနဆဲျဖစ္ေၾကာင္း စစ္ေဆးေတြ႔ရွိသျဖင့္ ရန္ကုန္ၿမိဳ႕ေတာ္ စည္ပင္"သာယာေရးေကာ္မတီ က်န္းမာေရးဌာနမွ ဆုိးေဆးႏွင့္ ပတ္သက္သည့္ က်န္းမာေရး ေဟာေျပာပြဲမ်ား
ျပဳလုပ္ခဲ့ေၾကာင္း က်န္းမာေရးဌာနမွ ဌာနမႉး ေဒါက္တာေအာင္သန္းကေျပာသည္။ သံေစ်း၊ ေညာင္ပင္"ေလးေစ်း၊ ေမာ္တင္ေစ်း၊ ကုန္ေစ်းတန္းရွိ စားေသာက္ကုုန္ အေရာင္းဆုိင္တခ်ိဳ႕ရွိ အေရာင္တင္ငရုတ္"သိီးမႈန္႔၊ မွ်င္ငါးပိ၊ငါးပိေထာင္း၊ပုစြန္ခ်ဥ္တို႔တြင္သံုးရန္ခြင့္မျပဳသည့္ Rhodamine B ဆုိးေဆး၊ ပဲနီေလး၊"ငရုတ္ဆီ၊ အသားေျခာက္၊ အသားကင္၊ လက္ဖက္ေျခာက္ အခ်ိဳေျခာက္မ်ားတြင္ Orange II ဆိုးေဆး"ႏွင့္လက္ဖက္အစိုတြင္ Auramine O "ဆုိးေဆးမ်ား အသံုးျပဳထားေၾကာင္းစစ္ေဆးေတြ႔ရွိသျဖင့္ ပညာ"ေပးေဟာေျပာပြဲမ်ားျပဳလုပ္ျခင္းျဖစ္သည္။ခြင့္မျပဳဆုိးေဆး Rhodamine B၊ Auramine O၊ Orange II"ႏွင့္ Sudan ပါဝင္ေသာ အစားအစာမ်ားတြင္ စားသံုးမိပါကမ်က္စိ၊ လည္ေခ်ာင္းႏွင့္ ႏွာေခါင္းတုိ႔ယာယံ
ျခင္း၊ အသက္ရႈလမ္းေၾကာင္း၊ အသည္း၊ေက်ာက္ကပ္ႏွင့္အစာအိမ္လမ္းေၾကာင္းမ်ားကိုအဆိပ္ျဖစ္ေစ"ၿပီး တာရွည္သံုးပါက ကင္ဆာေရာဂါျဖစ္ကာ မ်ိဳးရိုးဗီဇကိုလည္းအဆိပ္အေတာက္(Genotoxic)ျဖစ္ေစ"ႏုိင္သည္ဟု သိရသည္။ ၿပီးခဲ့သည့္ေဖေဖာ္ဝါရီလက လည္းအသားကင္ဆုိင္မ်ားကိုစစ္ေဆးခဲ့ရာ Oran"-ge II ဆုိးေဆးအသံုးျပဳခဲ့ေၾကာင္း ေတ႔ြရွိခဲ့သျဖင့္အသားကင္ဆုိင္မ်ားတြင္လည္းအသိပညာေပးမႈမ်ား
ျပဳလုပ္ခဲ့သည္ဟု က်န္းမာေရးဌာနမွ တာဝန္ရွိသူ တစ္ဦးက ေျပာၾကားေၾကာင္း ၂၀၀၈ ခုႏွစ္ စက္တင္"ဘာလ ၂၅ ရက္ေန႔ထုတ္ 7 Day News ဂ်ာနယ္တြင္ ေဖာ္ျပထားပါသည္။

Which Programs Should I Run To Scan A Computer For Malicious Software?

via gHacks technology news by Martin on 9/15/08

The amount of security applications for the end user has reached a point where the choice is adding to the insecurity and confusion of the user. So called experts all have their set of tools that they recommend for certain situations but it can happen that you get a set of totally different applications for the same task when asking two advanced users.

To give an example. Should a user run Ad-Aware, Spybot Search And Destroy, Spyware Terminator or one of the other dozen or so anti-spyware applications that can be used freely for personal non-commercial use.

To much choice can be confusing and this article tries to narrow down the list to security applications that are recommended most of the time. Some users will disagree with the choices and they have every right to do so. You can rest assured on the other hand that the selection of tools should be sufficient to scan a computer system thoroughly

Anti-Spyware:

Spyware usually refers to malicious software that tries to spy on the user or serve advertisement to him. This can be done with tracking cookies, changing the user's homepage or showing popups from time to time.

spyware terminator

  • Spybot Search And Destroy - Spybot Search and Destroy is updated regularly and does not confuse the user with different versions like Ad-Aware does with Ad-Aware Free, Plus and Pro.
  • Spyware Terminator - A tool that has been downloaded more than 17 million times should do a good job. Spyware Terminator is fast and efficient.

Anti-Virus:

Anti-virus applications create probably the most controversy. There is so much choice of free and commercial applications that makes it nearly impossible to make a decision. The applications protect the computer in realtime and can scan the computer thoroughly.

  • AVG Anti-Virus - A classic anti-virus software that provides protection against viruses, rootkits and spyware.
  • Free AV - Antivir protects the computer against viruses, rootkits, dialers and phising.

Rootkits:

Rootkits have been gaining popularity in the last years and one could say that Sony did not have a small part in raising the public's perception of rootkits with their music CDs that contained a rootkit in order to prevent customers from copying the music.

rootkit unhooker

  • Rootkit Unhooker - a portable rootkit scanner with a size of under 100 Kilobyte.
  • Gmer - is another tool to scan the computer for rootkits.

ထိုင္း DTAC ဖုန္းတြင္ ျမန္မာသီခ်င္း နားေထာင္ႏိုင္

Posted by The Irrawaddy Magazine | Thursday, September 18, 2008 | | 0 comments »

ေအးလဲ့ | စက္တင္ဘာ ၁၇၊ ၂၀၀၈

ထိုင္းႏိုင္ငံရွိ DTAC ဖုန္း ကုမၸဏီ၏ Ring 4U ဟုေခၚေသာ ျမန္မာသီခ်င္း နားေထာင္ႏိုင္သည့္ ဝန္ေဆာင္မႈ အစီအစဥ္သည္ ထိုင္းႏိုင္ငံေရာက္ ျမန္မာႏိုင္ငံသားမ်ားအၾကား ေရပန္းစား ေနေၾကာင္း သိရသည္။

DTAC ကုမၸဏီ ၏ Ring 4U ဝန္ေဆာင္မႈလုပ္ငန္းမွ တာဝန္ရွိသူတဦးက ျမန္မာသီခ်င္းနား ေထာင္လုိသူမ်ား အတြက္ ျမန္မာသီခ်င္း ပုဒ္ေရ ၄၅ ပုဒ္ ခန္႔ရွိၿပီး သီခ်င္းေတာင္းႏိုင္ေၾကာင္း ဧရာဝတီ ကိုေျပာသည္။

၎ဝန္ေဆာင္မႈကို အသံုးျပဳ လုိပါက *7001 ကိုႏွိပ္ၿပီး ျမန္မာဘာသာျဖင့္ ကိုယ္ႀကိဳက္ႏွစ္သက္ရာ သီခ်င္း ေရြးခ်ယ္ႏိုင္ရန္အတြက္ လမ္းညြန္ေပးမည္ျဖစ္သည္ဟုလည္း သိရသည္။။

အဆိုပါ နံပါတ္ကို ႏွိပ္စဥ္"သာယာနာ ေပ်ာ္ဖြယ္သီခ်င္း အစီအစဥ္မွ ႀကိဳဆိုပါတယ္၊ ကိုယ္ႀကိဳက္ႏွစ္သက္ရာ ကို ေရြးခ်ယ္ႏိုင္ပါတယ္ "ဟု ဝန္ေဆာင္မႈ ေပး၍ လမ္းညြန္ထားသည္။

၎ဝန္ေဆာင္မႈမွာ သီခ်င္း တပုဒ္ တႀကိမ္အတြက္ ထိုင္းဘတ္ ၅ ဘတ္ ေပးေဆာင္ရၿပီး တလအတြက္ သီခ်င္း ေတာင္းမည္ ဆိုပါ က ၃၁ ဘတ္ ေပးေဆာင္ရမည္ျဖစ္သည္။

"အခုလို ကိုယ့္ ျမန္မာသီခ်င္းကို ဖုန္းမွာ နားေထာင္ရေတာ့ ေပ်ာ္ပါတယ္၊ ဒါကို က်ေနာ္တို႔ေတြ ဘန္ေကာက္ ၊ မဲေဆာက္နဲ႔ ခ်င္းမိုင္းမွာရွိတဲ့ သူငယ္ခ်င္းေတြ ဆီက အခ်င္းခ်င္းရၾကတယ္္" ဟု ထိုင္းႏိုင္ငံခ်င္းမိုင္ၿမိဳ႕ရွိ ျမန္မာႏိုင္ငံသားအမ်ားစု ေစ်းေရာင္းသည့္ ညေစ်း (Night Bazaar) တြင္ အလုပ္လုပ္ေနေသာ ကိုေအာင္ထြန္းက ေျပာသည္။

DTAC ဖုန္းကုမၸဏီသည္ ထိုင္းႏိုင္ငံဆက္သြယ္ေရး ၀န္ေဆာင္မႈအတြက္ ၁၉၈၉ ခုႏွစ္ ၾသဂုတ္လတြင္ စတင္ ခဲ့ၿပီး ယခုႏွစ္ မတ္လအထိ အသံုးျပဳသူဦးေရ ၁၆ သန္း ရွိေၾကာင္း DATC ကုမၸဏီ အင္တာနက္ စာမ်က္ႏွာ တြင္ ေဖာ္ျပထားသည္။

ထိုင္းႏိုင္ငံအတြင္း၌ ျမန္မာေ႐ႊ႕ေျပာင္း အလုပ္သမား သန္းႏွင့္ခ်ီ၍ ေနထိုင္လုပ္ကိုင္လ်ွက္ ရွိေၾကာင္း သက္ဆိုင္ရာ အဖြဲ႕အစည္းမ်ား၏ ထုတ္ျပန္ခ်က္အရ သိရသည္။

สาวแขมร์ใช้สารหล่อลื่นสำหรับมีเพศสัมพันธ์ทาหน้ารักษาสิว


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2551 15:53 น.
อึ้ง! สาวแขมร์ใช้สารหล่อลื่นสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ทาหน้ารักษาสิว อย.ยันตรวจสอบแล้วไม่ใช่สารในถุงยาง เผยสารหล่อลื่นไม่มีตัวยารักษาสิว เตือนสาวๆ ไม่ควรนำมาใช้กับใบหน้าเด็ดขาด

นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า จากกรณีสาวกัมพูชานำสารหล่อลื่น "นัมเบอร์วัน พลัส" มาทาใบหน้าเพราะเชื่อมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวนั้น อย.ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า "นัมเบอร์วัน พลัส" เป็นผลิตภัณฑ์สารหล่อลื่นช่วยในขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ มีวัตถุประสงค์การใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นหรือช่วยหล่อลื่นในขณะมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่ใช่ถุงยางอนามัย และไม่ใช่สารหล่อลื่นที่อยู่ในถุงยางอนามัยแต่อย่างใด

"สำหรับผลิตในประเทศไทย มีการส่งออกไปจำหน่ายแก่องค์กรบริการประชากรนานาชาติ (พีเอสไอ) ประเทศกัมพูชา โดยสารหล่อลื่น "นัมเบอร์วัน พลัส" มีส่วนประกอบของสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้น ซึ่งส่วนประกอบสำคัญ คือ สารที่ทำให้เกิดเนื้อเจลและวัตถุกันเสีย โดยไม่มีส่วนประกอบของสารที่มีคุณสมบัติใช้รักษาสิวตามที่เป็นข่าว ดังนั้น การนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้แต้มรักษาสิว จึงเป็นความเข้าใจผิดของผู้ใช้และเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ อย.ขอเตือนสาวๆ อย่านำสารหล่อลื่นดังกล่าวมาใช้ในการรักษาสิวบนใบหน้า เพราะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นการไม่เหมาะสมอีกด้วย" นพ.นรังสันต์กล่าว

อวสานของฮาร์ดดิสก์ - The End of Hard Drives

via Nano in Thailand Blog (นาโน เมืองไทย) by อาจารย์นอย on 9/22/08

เมื่อต้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา Intel ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไมโครชิพยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ประกาศที่จะสยายปีกเข้ามาครอบครอง ตลาดการเก็บข้อมูลซึ่งเป็นของฮาร์ดดิสก์ ด้วยการเปิดตัว Solid State Drives (SSDs) หรือ Flash Memory ที่เราคุ้นเคยนั่นเอง ซึ่งเจ้า Thumb Drive ที่เรานิยมใช้กันอยู่นี้ได้มีความเร็วที่เพิ่มขึ้นเทียบเคียงฮาร์ดดิสก์แล้ว (และตอนนี้ก็มีความเร็วแซงหน้าฮาร์ดดิสก์ไปแล้ว) แถมมีความจุสูงขึ้นในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ เบื้องต้น Intel เขาจะทุ่มตลาด SSD ที่ขนาด 80 GB ก่อน จากนั้นก็จะมี 160GB กับ 250 GB ออกตามมา ซึ่งนักวิเคราะห์คาดหมายว่า SSD จะเข้ามาแทนที่ฮาร์ดดิสก์ในตลาดโน๊ตบุ๊คในอีกไม่ช้า (ในบ้านเราก็เริ่มมีความนิยมโน๊ตบุ๊คที่ไม่มีฮาร์ดดิสก์กันมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะทั้งเบาและประหยัดพลังงาน)

ข้อดีของ SSD ก็คือมันใช้หน่วยความจำที่เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การโหลดโปรแกรมและเก็บข้อมูลสามารถทำได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์มากๆ ดังนั้นการที่เราจะเริ่มรันโปรแกรม เช่น ตอนเปิดเครื่องขึ้นมาใช้ มันจะทำได้เร็วมาก ในขณะที่ฮาร์ดดิสก์จะทำการโหลดข้อมูลเข้าหน่วยความจำทำได้ช้ากว่า เราจึงต้องรอตอนเปิดเครื่องเป็นเวลานานๆ กว่า Windows จะโหลดขึ้นมาและเริ่มทำงาน ฮาร์ดดิสก์จึงไม่เหมาะกับโน๊ตบุ๊ค ซึ่งต้องการความเร็วในการใช้งาน นอกจากนั้น SSD ยังทนร้อนทนหนาวได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ด้วยครับ โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์จะชอบทำงานที่อุณหภูมิระหว่าง 5-55 องศาเซลเซียส แต่ SSD สามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิ -40 ถึง 85 องศาเซลเซียส นักวิเคราะห์จึงฟันธงว่า ต่อไป SSD จะเข้าไปอยู่ในตลาดของความบันเทิงในรถยนต์แน่นอน รวมไปถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่แบบ Outdoor ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล เครื่องเล่น MP3

น่าเป็นห่วงครับ เพราะอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ในบ้านเรามีมูลค่าถึง 200,000 ล้านบาท และถ้าจะเกิดอุตสาหกรรม SSD ขึ้นมาทดแทนฮาร์ดดิสก์ ประเทศที่จะเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เก็บข้อมูลแทนประเทศไทยจะกลายเป็น จีน มาเลเซีย เวียดนาม เพราะการผลิต SSD ไม่ต้องการผลิตชิ้นส่วนมากมายเหมือนฮาร์ดดิสก์ การตั้งฐานผลิตทำได้ง่ายกว่ามากครับ


(ภาพบน: พริตตี้กำลังแสดงสินค้า SSD ที่นับวันจะเบียดฮาร์ดดิสก์ตกขอบเข้าไปทุกที)(ภาพล่าง: เมื่อปี ค.ศ. 2004 บริษัท Toshiba วางแผนนำสินค้าฮาร์ดดิสก์ขนาดจิ๋วที่มีความจุ 2GB ออกวางตลาดสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่แผนนี้ก็มีอันพังพาบไปเพราะ Thumb Drives นั่นเอง)

ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า






ประเทศไทยได้ทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางกับประเทศต่างๆ จำนวน 50 ประเทศ ซึ่งผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางเข้าไปในดินแดนของประเทศภาคีได้โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) และจะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่เป็นเวลาต่างๆ กันตามความตกลง

หนังสือเดินทางทูตและราชการ

ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน

    เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์
    สิงคโปร์ ออสเตรีย ตุรกี
    เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก เปรู
    นอร์เวย์ เยอรมัน อิสราเอล
    สวิตเซอร์แลนด์ เช็ค เม็กซิโก
    อาร์เจนตินา สวีเดน ฟินแลนด์
    ฮังการี เนปาล โปแลนด์
    เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ลิกเตนสไตน์
    โรมาเนีย บราซิล เดนมาร์ก
    ชิลี สโลวัก แอฟริกาใต้
    หมู่เกาะโซโลมอน
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน


หนังสือเดินทางประเทศไทย เริ่มจากบนซ้ายตามเข็มนาฬิกา ประเภทธรรมดา ทางราชการ ทางการทูต และเดินทางชั่วคราว
    ฮ่องกง จีน มองโกเลีย
    ลาว มาเลเซีย พม่า
    เวียดนาม อินโดนีเซีย
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน

    บรูไน
หนังสือเดินทางธรรมดา

ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน

    เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ บราซิล
    เปรู
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 60 วัน

    อินโดนีเซีย
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน

    มาเลเซีย เขตปกครองพิเศษฮ่องกง แอฟริกาใต้
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 21 วัน

    ฟิลิปปินส์
ประเทศที่อยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน

    สิงคโปร์
    บรูไน

10 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของดาวินชี



อันดับ 10 เทคนิคการเขียนกลับทาง (Mirror Writing)

เทคนิคการเขียนตัวอักษรย้อนกลับทิศทางจากตัวหลังไปตัวหน้าของดาวินชี สร้างข้อถกเถียงให้กับนักวิชาการจนถึงวันนี้ว่า เป็นวิธีการเข้ารหัสแบบโบราณที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นๆ ลอบอ่านและขโมยข้อมูลในบันทึกส่วนตัว หรือจริงๆ แล้วเป็นเพียงเพราะดาวินชี "ถนัดซ้าย" จึงคิดวิธีเขียนกลับหลังแบบนี้เพื่อไม่ให้น้ำหมึกเปื้อนมือกันแน่
อันดับ 9 ชุดดำน้ำ (Scuba Gear)

ผลพวงจากการที่ดาวินชีหลงใหลในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่มาของการออกแบบอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการดำน้ำขึ้นมา หลายชนิดในจำนวนนี้ รวมถึงเรือดำน้ำ และชุดประดาน้ำที่ตัวชุดทำจากหนังและเชื่อมต่อกับท่อและโลหะทรงกลมซึ่งทำ หน้าที่เป็นเหมือนสนอร์เกิ้ล หรือหน้ากากดำน้ำยุคปัจจุบัน นอกจากนั้น ชุดดำน้ำชุดนี้ยังมีถุงเก็บปัสสาวะด้วย แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการออกแบบ
อันดับ 8 สะพานชักรอก (The Revolving Bridge)

ดาวินชีออกแบบสะพานสำหรับใช้ในการเคลื่อนพลผ่านพื้นที่ในสมรภูมิทุรกันดารต่างๆ เช่น การยกพลข้ามแม่น้ำ ตัวสะพานดังกล่าวมีระบบชักรอกและสายพาน ทำให้ทหารกางออกมาใช้งานและชักรอกเก็บได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในเครื่องจักรทุ่นแรงอีกหลายชนิดจากการคิดค้นของดาวินชี
อันดับ 7 เครื่องร่อน (The Winged Gilder)

ภายในคลังจินตนาการอันไม่มีที่สิ้นสุดของดาวินชีนั้น มี "เครื่องกลบินได้" รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก รวมถึง "เครื่องร่อน" ซึ่งตรงบริเวณปีกมีแผ่นบังคับเปิด - ปิดควบคุมทิศทางได้หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า "แฟลบ" และในตัวเครื่องร่อนยังมีเกียร์ควบคุมความเร็วที่นั่งติดอยู่ด้วย
อันดับ 6 ปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง (The Triple-Barreled Cannon)

แม้ประวัติของดาวินชีจะเกลียดสงคราม มีลักษณะเป็น "นักคิด" มากกว่า "นักรบ" แต่ในใจของเขาก็ยังฝันถึงการคิดค้นงานด้านวิศวกรรม หนทางเดียวที่จะทำเช่นนั้นได้ คือ การออกแบบอาวุธสงครามเพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจมากที่สุด หนึ่งในผลงานการออกแบบอาวุธ ได้แก่ ปืนใหญ่ที่มีอานุภาพที่มีลำกล้องติดกันถึง 3 กระบอก เหมือนกับที่เห็นในภาพ
อันดับ 5 สกรูบิน (The Aerial Screw)

ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะลงความเห็นตรงกันว่ามันไม่มีทางที่เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะบินขึ้นจากพื้นได้ แต่ "เฮลิคอปเตอร์" ในแบบของดาวินชีก็ยังคงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา เครื่องกลที่ชวนให้สงสัยนี้ดูเหมือนว่าจะถูกออกแบบให้ทำงานโดยใช้คนสี่คนมาหมุนมันพร้อมกัน รวมทั้งน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากกังหันลมซึ่งเป็นของเล่นที่นิยมกันในสมัยนั้นด้วย
อันดับ 4 เมืองในอุดมคติ (The Ideal City)

ยุคสมัยหนึ่ง ดาวินชีอาศัยอยู่ในนครมิลานท่ามกลางสภาพการแพร่ระบาดของโรคร้าย เขาจึงคิดออกแบบผังเมืองใหม่ให้มีความสะอาด เป็นระเบียบ ถูกสุขอนามัย อาทิ เขียนแบบให้เมืองในอุดมคติเมื่อหลายร้อยปีก่อนแห่งนี้มี "ระบบระบายอากาศ" เพื่อดึงอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ตัวเมือง และมีระบบระบายน้ำเสีย
อันดับ 3 รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car)

แน่นอนว่ารถที่ดาวินชีพยายามสร้างไม่สามารถวิ่งเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงเหมือนรถเฟอร์รารี่ แต่ถ้าคิดว่าเป็นรถที่อยู่ในสมัยนั้นก็ต้องจัดว่าไฮเทคล้ำยุคสุดๆ เพราะรถที่มีตัวถึงทำจากไม้คันนี้ สามารถแล่นขับเคลื่อนด้วยตัวมันเองด้วยแรงส่งและการทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ระหว่างสปริงและเกียร์ที่ล้อ เมื่อปี 2547 นักวิทยาศาสตร์ประจำพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ทดลองสร้างแบบจำลองรถรุ่นนี้ตามแบบที่ดาวินชีร่างเอาไว้และพบว่าวิ่งได้จริง
อันดับ 2 แนวคิดเกี่ยวกับธรณีวิทยา (Geologic Time)

นักคิดส่วนมากในสมัยของดาวินชีนั้นมีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่าซาก ฟอสซิลของพวกหอย ปู ปลาหมึกต่างๆ ที่พบบนยอดเขานั้นเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ แต่ดาวินชีกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาตั้งข้อสงสัยไว้ (ซึ่งก็ถูกเสียด้วย) ว่าภูเขาเหล่านั้นจะต้องเคยเป็นชายฝั่งมาก่อน ก่อนที่จะค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้นๆ ในเวลาต่อมา

อันดับ 1 วิทรูเวียนแมน (The Vitruvian Man)

เชื่อว่าชาวโลกน้อยคนนักที่จะไม่เคยผ่านตากับภาพวาดของบุรุษผู้นี้ นั่นก็คือภาพ "วิทรูเวียน แมน" ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ดาวินชีศึกษาสัดส่วนกายวิภาคมนุษย์อย่างละเอียด จนพิสูจน์ทฤษฎีบทของ "วิทรูเวียน" ผู้เป็นสถาปนิกยุคจักรวรรดิโรมันได้สำเร็จว่า "ร่างคนยืนกางแขนขาจะตกเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่สมบูรณ์เสมอ" และนับเป็นการเปิดประตูสู่ศาสตร์กายวิภาคครั้งสำคัญ



ทายลักษณะนิสัยของเราว่ามีข้อด...

Blog Entry journal by Contacts Mee, your online buddy



หมู่เลือดบอกนิสัย

Blog Entry journal by Contacts Mee, your online buddy

มาแล้วๆ หมู่เลือดบอกนิสัย ฉบับการ์ตูนฮาๆ กลับมาสร้างเสียงหัวเราะอีกครั้ง พร้อมกับสาระดีๆ ที่แฝงเอาไว้ โดยมาคราวนี้ใช้ชื่อตอนว่า "การผูกมิตร" ... นั่นแน่! อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าแต่จะหมู่เลือดจะผูกมิตรอย่างไร และหมู่เลือดไหนต้องใช้วิธีอะไรบ้าง ถ้างั้นอย่ารอช้าตามเข้ามาอ่าน หมู่เลือดบอกนิสัย ฉบับการ์ตูนฮาๆ ตอน การผูกมิตร ได้เลย...


หมู่เลือดบอกนิสัย

ကုန္တင္စက္ေလွမီးေလာင္ သိန္းေထာင္ခ်ီ ဆံုး႐ႈံး

ျမန္မာႏိုင္ငံ ေတာင္ပိုင္း၊ တနသၤာရီတိုင္း ေကာ့ေသာင္းၿမ့ဳိနယ္ ဆိပ္ကမ္းတခုတြင္ ကုန္ပစၥည္းမ်ား တင္ေဆာင္ထားသည့္ စက္ေလွတစင္း ဝါယာေရွာ့ျဖစ္ရာမွ မီးေလာင္မႈ ျဖစ္ပြားရာ ကာလေပါက္ေစ်း ျမန္မာက်ပ္ေငြတန္ဘိုး သိန္းေထာင္ခ်ီခန္႔ ဆံုး႐ႈံး ...

ခ်င္းမိုင္။ ။ ျမန္မာႏိုင္ငံ ေတာင္ပိုင္း၊ တနသၤာရီတိုင္း ေကာ့ေသာင္းၿမ့ဳိနယ္ ဆိပ္ကမ္းတခုတြင္ ကုန္ပစၥည္းမ်ား တင္ေဆာင္ထားသည့္ စက္ေလွတစင္း ဝါယာေရွာ့ျဖစ္ရာမွ မီးေလာင္မႈ ျဖစ္ပြားရာ ကာလေပါက္ေစ်း ျမန္မာက်ပ္ေငြတန္ဘိုး သိန္းေထာင္ခ်ီခန္႔ ဆံုး႐ႈံးသြားေၾကာင္း သိရသည္။

ေကာ့ေသာင္းၿမ့ဳိ ႏွင့္ ထားဝယ္ၿမ့ဳိတို႔ အၾကား ကုန္ပစၥည္းမ်ား တင္ေဆာင္ေပးေနသည့္ "ေအာင္ေကာင္းျမတ္" အမည္ရွိ စက္ေလွတစီး ေကာ့ေသာင္းၿမ့ဳိနယ္ ေ႐ႊစင္ေယာ္ ရပ္ကြက္ရွိ ဆိပ္ကမ္းတြင္ ယမန္ေန႔ ည ၇း၃ဝ နာရီခန္႔တြင္ စက္ေလွမွ ေရစုပ္ထုတ္ရန္ စက္ႏိုးရာမွ ဝါယာေရွာ့ျဖစ္ၿပီး မီးေလာင္မႈျဖစ္ပြားခဲ့ရာ ျမန္မာက်ပ္ေငြ တန္ဘိုး ခန္႔မွန္းေခ် သိန္း ၆ ေထာင္ေက်ာ္ ဆံုး႐ႈံးသြားျခင္း ျဖစ္ေၾကာင္း ေဒသခံမ်ားက ေျပာသည္။

"က်ေနာ္တို႔ဆီမွာ ဒီမနက္ သတင္းထြက္ေနတာကေတာ့ ေရစုပ္ဖို႔ စက္ႏိုးရာကေနၿပီးေတာ့ ဝိုင္ယာ ေရွာ့ျဖစ္တယ္လို႔ ေျပာေနၾကတယ္။ အဲဒီကေနျဖစ္ၿပီးေတာ့ မီးေလာင္တယ္" ဟု အမည္မေဖာ္လိုသူ ေကာ့ေသာင္းၿမ့ဳိ ေဒသခံတဦးက မဇၩိမကိုေျပာသည္။

စက္ေလွ မီးေလာင္မႈ ျဖစ္ပြားၿပီး နာရီဝက္ခန္႔အၾကာတြင္ ေဒသခံမ်ားက အနီးအနားရွိ က်န္ရွိသည့္ စက္ေလွမ်ား မီးေလာင္မည္စိုးရိမ္သျဖင့္ စက္ေလွအား တဖက္ကမ္းရွိ ဘဝကၽြန္းတြင္ သီးျခားဆြဲထုတ္ကာ မီးေလာင္ေစခဲ့ၿပီး ယေန႔နံနက္ ၁ဝးဝဝ နာရီခန္႔တြင္ မီးေလာင္ရာမွ ကြဲသြားသည့္ စက္ေလွဝမ္းထဲ ျမစ္ေရမ်ား ဝင္ေရာက္ခဲ့သည့္အတြက္ မီးၿငိမ္းသြားခဲ့ျခင္း ျဖစ္သည္။

အခင္းျဖစ္ပြားရာသို႔ သြားေရာက္ ၾကည့္႐ႈခဲ့သည့္ မ်က္ျမင္သက္ေသ တဦးက "ျပည္သူေတြ ဝိုင္းၿပီးေတာ့ မီးၿငိမ္းလုပ္ဖို႔ ေနေနသာသာ၊ အဲဒီနာမွာ ရွိတဲ့ ေလွေတြေတာင္ ျပန္မေလာင္တာ ကံေကာင္း။ စက္ေလွမွာက ဆီေပပါ ပါေတာ့ ဝုန္းဝုန္းနဲ႔ ေပါက္တာကုိး။ ေပါက္ေတာ့ ခ်က္ခ်င္းပဲ ဆြဲထုတ္သြားလိုက္တယ္" ဟု သူကေျပာသည္။

မီးေလာင္မႈေၾကာင့္ စက္ေလွေမာင္း သူမွာ ဒဏ္ရာ ျပင္းထန္စြာ ရရိွၿပီးေနာက္ ေသဆံုးခဲ့သည္ဟု ေဒသခံမ်ားအၾကား သတင္းမ်ား ထြက္ေပၚေနေသာ္လည္း မဇၩိမ အေနျဖင့္ သီးျခား အတည္ျပဳ မေျပာဆိုႏိုင္ေသးပါ။

မီးေလာင္မႈ ျဖစ္ပြားခဲ့သည့္ စက္ေလွတြင္ ဆီ (ဓါတ္ဆီ ေပပါ ) ၊ ဘိလပ္ေျမ၊ ဆားအိတ္မ်ား အျပင္ အျခားကုန္ပစၥည္းမ်ားလည္း မီးေလာင္ကၽြမ္းခဲ့သည့္အတြက္ ဆံုး႐ႈံးမႈပမာဏ မ်ားေၾကာင္း ေဒသခံမ်ားက ေျပာသည္။

အလားတူ စက္တင္ဘာလ ၉ ရက္ေန႔တြင္ ထုိင္းႏိုင္ငံ ရေနာင္းၿမ့ဳိသို႔ ပင္လယ္ထြက္ ပစၥည္းမ်ားျဖစ္သည့္ ငါး၊ ပုဇြန္မ်ားကုိ ေရာင္းခ်ၿပီးအျပန္ ေကာ့ေသာင္း ဆိပ္ကမ္း အနီးတြင္ ကုန္တင္ကုန္ခ် ျပဳလုပ္ေနစဥ္ ေဆးလိပ္မီးမွ တဆင့္ မီးေလာင္မႈျဖစ္ပြားခဲ့ရာ ကာလေပါက္ေစ်း ျမန္မာက်ပ္ေငြတန္ဘိုး သိန္းတေထာင္ေက်ာ္ မီးေလာင္ဆံုး႐ႈံးခဲ့သည္။

ความดันโลหิตสูง

via Thailand Travel Guide by thailand travel guide on 9/14/08

ความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูง

source: Thai Heart Web ความรู้โรคหัวใจครบวงจร www.thaiheartweb.com

โรคความดันโลหิตสูง หรือ โรคแรงดันเลือดสูง ภาษาอังกฤษเรียก Hypertension ภาษาชาวบ้านเรียกง่ายๆว่า "โรคความดัน" ซึ่งเป็นโรคที่รู้จักกันมาก โรคหนึ่ง แต่เชื่อไหมครับ จากการศึกษาพบว่าชาวอเมริกันร้อยละ 68.4 เท่านั้นที่ทราบว่าตัวเองมี ความดันโลหิตสูง และมีเพียงร้อยละ 53.6 ที่รับการรักษา และในกลุ่มนี้มีเพียงร้อยละ 27.4 ที่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดี นั่นเป็นสถิติต่างประเทศ สำหรับบ้านเรายังล้าหลังเรื่องข้อมูลพวกนี้อยู่มาก ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงช่วยให้ผู้อ่านมีความเข้าใจ และ เห็นความสำคัญของการรักษาความดันโลหิตสูงมากขึ้น

ความดันโลหิตคืออะไร

ลองนึกภาพสายยางรดน้ำต้นไม้ มีน้ำไหลเป็นจังหวะการปิดเปิดของก๊อก เมื่อเปิดน้ำเต็มที่ น้ำไหลผ่านสายยาง ย่อมทำให้เกิดแรง ดันน้ำขึ้นในสายยางนั้น และเมื่อปิดหรือหรี่ก๊อก น้ำไหลน้อยลง แรงดันในสายยางก็ลดลงด้วย ระบบหัวใจและหลอดเลือด ก็เป็น ระบบไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย โดยมีหัวใจ ทำหน้าที่คล้ายก๊อก หรือ ปั๊มน้ำ คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย เลือดไหลแรงดี ความดันก็ดี หากหัวใจบีบตัวไม่ดี เลือดไหลอ่อน ความดันก็ลดลง นอกจาก นั้นแล้วความดันในหลอดเลือดยังขึ้นกับสภาพของ หลอดเลือดด้วย หากหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดี จะปรับความดันได้ดี ไม่ให้สูงเกินไป แต่หาก หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น หรือ แข็งตัว ก็จะทำให้ความดันเปลี่ยนแปลงไปด้วย

ค่าความดันโลหิตจะมีสองค่าเสมอ เรียกว่า ตัวบน และ ตัวล่าง ค่าแรกเป็นความดันโลหิตในหลอดเลือดที่เกิดขึ้นขณะที่หัวใจ บีบตัว ไล่เลือดออก จากหัวใจ ส่วนตัวล่างคือความดันของเลือดที่ยังค้างอยู่ในหลอดเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว ผู้ป่วยความดัน โลหิตสูงควรจำค่าทั้งสองไว้ เพราะมีความสำคัญ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ความดันโลหิตเท่าไรเรียกว่าปกติ

ปัจจุบันความดันโลหิตที่เรียกว่า เหมาะสม ในผู้ที่อายุมากกว่า 18 ปี คือ ตัวบนไม่เกิน 120 มม.ปรอท และตัวล่างไม่เกิน 80 มม.ปรอท เรียกสั้นๆว่า 120/80 ความดันโลหิตที่ "อยู่ในเกณฑ์ปกติ" คือ ต่ำกว่า 130/85 มม.ปรอท ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 130-139/85-89 มม.ปรอท จะเรียกได้ว่ามีความดันโลหิตสูงเมื่อ ความดันโลหิตตัวบนมากกว่า (หรือเท่ากับ) 140 และตัวล่างมากกว่า (หรือเท่ากับ) 90 มม.ปรอท อย่างไรก็ตามก่อน ที่จะเรียกว่าผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงได้นั้น แพทย์จะต้องวัดซ้ำหลายๆครั้ง หลังจากให้ผู้ป่วยพักแล้ว วัดซ้ำจนกว่าจะแน่ใจว่าสูงจริง และที่สำคัญเทคนิค การวัดต้องถูกต้องด้วย

การจำแนก
ความดันโลหิต "ตัวบน" (มม.ปรอท)
ความดันโลหิต "ตัวล่าง" (มม.ปรอท)
ความดันโลหิตที่เหมาะสม < 120 และ < 80
ความดันโลหิตปกติ <130 และ <85
ความดันโลหิตสูงเล็กน้อยแต่ยังปกติ 130-139 หรือ 85-89
ความดันโลหิตสูง


ระยะที่ 1 (อ่อน) 140-159 หรือ 90-99
ระยะที่ 2 (ปานกลาง) 160-179 หรือ 100-109
ระยะที่ 3 (รุนแรง) > 180 หรือ > 110

การวัดความดันโลหิตที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

เครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิตที่เป็นมาตราฐานคือผ้าที่มีถุงลมพันที่แขน และ ใช้ปรอท ในขณะวัดความดันโลหิตผู้ถูกวัดความดัน โลหิตควรจะอยู่ ในท่านั่งสบายๆ วัดหลังจากนั่งพักแล้ว 5 นาที ไม่วัดหลังจากดื่มกาแฟ หรือ สูบบุหรี่ ขนาดของผ้าพันแขนก็ต้อง เหมาะสมกับแขนผู้ถูกวัดด้วย หากอ้วนมากแล้วใช้ผ้าพันแขนขนาดปกติ ค่าที่ได้จะสูงกว่าความเป็นจริง การปล่อยลมออกจาก ที่พันแขนก็มีความสำคัญอย่างมาก และ เป็นที่ละเลย กันมากที่สุด คือจะต้องปล่อยลมออกช้าๆ ไม่ใช่ปล่อยพรวดพราดดังที่เห็น หลายๆแห่งทำอยู่ การทำเช่นนั้นทำให้ได้ค่าที่ผิดไปจากความเป็นจริงมาก เครื่องวัดความดันก็ต้องได้มาตราฐาน ไม่ใช่เครื่องเก่า มากหรือมีลมรั่ว เป็นต้น ตำแหน่งของเครื่องวัดก็ควรอยู่ระดับเดียวกับหัวใจ และต้องวัดซ้ำๆ เพื่อหาค่าเฉลี่ย

ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ออกแบบมาให้วัดความดันโลหิตได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยผู้วัดไม่จำเป็นต้องมีความรู้เลย เพียงแค่ใส่ถ่าน พันแขนและกดปุ่ม เครื่องจะวัดให้เสร็จ อ่านค่าเป็นตัวเลข เครื่องแบบนี้มีขายตามศูนย์การค้าทั่วไป โดยทั่วไปแล้วใช้งานได้ดี (แบบพันแขน) แต่ก็ต้องนำเครื่องมา ตรวจสอบความถูกต้องเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรมีเครื่องชนิดนี้ไว้วัดที่บ้านด้วย ในอนาคตเครื่องวัดความดันโลหิตแบบปรอทอาจจะเลิกใช้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากผลทางสิ่งแวดล้อม(ปรอทเป็นสารอันตราย) และ อีกเหตุผลหนึ่งคือใช้เทคนิคมากในการวัดให้ถูกต้อง

ความรู้ปัจจุบันพบว่าการวัดความดันโลหิตที่ดีที่สุดคือการวัดความดันโลหิตตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหลับและตื่น เพื่อดูแบบแผน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และหาค่าเฉลี่ยความดันโลหิตของช่วงกลางวันและกลางคืน ค่าที่ถือว่าปกติโดยการวัดความดันโลหิต 24 ชั่วโมงนี้ คือ ขณะตื่นความดันโลหิตเฉลี่ยควร น้อยกว่า 135/85 มม.ปรอท และเมื่อหลับความดันโลหิตเฉลี่ยควรน้อยกว่า 120/75 มม.ปรอท

ข้อที่ควรทราบบางประการเกี่ยวกับความดันโลหิต

ประการแรกคือความดันโลหิตเป็นค่าไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกวินาที จึงไม่แปลกที่วัดซ้ำในเวลาที่ใกล้เคียงกัน แล้วได้คนละค่า แต่ก็ไม่ควรจะแตกต่างกันนัก ความดันโลหิตยังขึ้นกับท่าของผู้ถูกวัดด้วย ท่านอนความดันโลหิตมักจะสูงกว่าท่ายืน นอกจากนั้นแล้ว ยังขึ้นกับ สิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น อาหาร บุหรี่ อากาศ กิจกรรมที่ทำอยู่ รวมทั้งจิตใจด้วย

ประการต่อมาคือภาวะความดันโลหิตสูงปลอม หมายความว่าจริงๆแล้วผู้ป่วยไม่ได้มีความดันโลหิตสูง แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ เมื่อมาวัดความดันโลหิต ที่คลินิกแพทย์หรือโรงพยาบาล จะวัดได้สูงกว่าปกติทุกครั้ง แต่เมื่อวัดโดยเครื่องวัดความดันโลหิต 24 ชั่วโมงหรือวัดด้วยเครื่องอิเลคโทรนิคเองที่บ้าน กลับพบว่าความดันปกติ เรียกภาวะเช่นนี้ว่า White coat hypertension หรือ Isolated clinic hypertension กลุ่มนี้มีอันตรายน้อยกว่าความดันโลหิตสูงจริงๆ

ความดันโลหิตสูงเกิดจากอะไร และ มีอาการอย่างไร

จนถึงปัจจุบันนี้ความดันโลหิตสูงก็ยังเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุเป็นส่วนใหญ่ มีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้องทั้งพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น อาหารรสเค็ม เชื้อชาติ ส่วนน้อยเกิด (น้อยกว่าร้อยละ 5) จากความผิดปกติของหลอดเลือด ไตวาย หรือ เนื้องอกบางชนิด ความดันโลหิตสูงได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่ทราบว่าตัวเองมีความดันโลหิตสูง หรือ แม้จะทราบแต่ละเลยไม่สนใจรักษาเพราะรู้สึกปกติ สบายดี ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่างๆตามมาภายหลัง ผู้ป่วยส่วนน้อยที่มี อาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ

ทำไมต้องลดความดันโลหิต

การที่ปล่อยให้ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือด เลี้ยงสมอง ตา หัวใจ และไต จึงทำให้หลอดเลือดสมองแตก หรือ ตีบตัน เป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โรคหัวใจขาดเลือด ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น จนเกิดหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายตามมา เห็นได้ว่า การละเลย ไม่สนใจรักษาก็จะมีโทษต่อตนเอง ในอนาคต เป็นที่น่าเสียดายที่ผลแทรกซ้อนต่างๆเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยการควบคุมความดันโลหิต แม้จะไม่สามารถป้องกัน ได้ทั้งหมดก็ตาม ดังนั้นการรักษาความดันโลหิตสูงในวันนี้ ก็เพื่อที่จะลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคตลงให้มากที่สุดนั่นเอง

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการรักษาความดันโลหิตสูง

- ความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ การรับประทานยาเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาตลอดไป หากหยุดยา ความดันโลหิตอาจกลับมาสูงอีกได้

- เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ แม้ความดันโลหิตจะสูงมากๆก็ตาม ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้อาการมาพิจารณาว่า วันนี้จะรับประทานยา หรือไม่ เช่น วันนี้สบายดีจะไม่รับประทานยาเช่นนั้นไม่ได้

- การรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตลอดเวลาเป็นระยะเวลานาน จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคแทรกทางสมอง หัวใจ ไต และหลอดเลือดได้

- การรักษาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การไม่ใช้ยา กับการใช้ยา การไม่ใช้ยาหมายถึงการลดน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดบุหรี่ และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย อาจเริ่มการรักษาโดยไม่ใช้ยา แต่หากมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิด โรคหัวใจอยู่ด้วยก็อาจจำเป็นต้องใช้ยาร่วมด้วย

- ปัจจุบันมียาลดความดันโลหิตอยู่หลายกลุ่ม กลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกันไป ราคาก็ต่างกันมาก ตั้งเม็ดละ 50 สตางค์ ถึง 50 บาท ยาลดความดัน โลหิตที่ดี ควรจะออกฤทธิ์ช้าๆ ไม่ทำให้ความดันโลหิตแกว่งขึ้นลงมากจนเกินไป สามารถควบคุมความดัน โลหิตได้ดีตลอด 24 ชั่วโมง โดยการรับประทาน เพียงวันละ 1 ครั้ง มีผลแทรกซ้อนน้อย แต่น่าเสียดายว่ายังไม่มียาใดที่วิเศษ ขนาดนั้น ยาทุกตัวล้วนก็มีข้อดี ข้อด้อย และ ผลแทรกซ้อนทั้งสิ้น อย่าลืมว่า การปล่อยให้ ความดันโลหิตสูงอยู่นานๆ ก็เป็นผลเสีย ร้ายแรงเช่นกัน จึงควรติดตามการรักษาโดยการวัดความดันโลหิตสม่ำเสมอ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง หากมี ผลแทรกซ้อน ควรปรึกษาแพทย์ท่านเดิมเพื่อปรับเปลี่ยนยา ไม่ควรเปลี่ยนแพทย์ไปเรื่อยๆ เพราะทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง

- การรักษาความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยสูงอายุเป็นเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นต้องรักษา แต่ต้องรักษาด้วยความระมัด ระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากหากลด ความดันโลหิตมากเกินไป ก็อาจเกิดผลเสียขึ้นได้

- นอกจากการรับประทานยาแล้ว การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้ผ่องใส งดอาหารเค็ม ก็จะช่วยให้ ควบคุมความดันโลหิต ได้ดียิ่งขึ้น

โรคความดันโลหิตต่ำเป็นอย่างไร รักษาโดยดื่มเบียร์จริงหรือ

ความจริงแล้วไม่มี โรคความดันต่ำ มีแต่ภาวะความดันโลหิตต่ำที่เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดสารน้ำ เช่น ท้องเสีย อาเจียน เสียเลือด อากาศร้อนจัด หรือจากยาบางชนิด ความดันโลหิตที่วัดได้ 90/60 มม.ปรอท ไม่ได้หมายความว่าเป็นความดันโลหิต ที่ต่ำกว่าปกติ คนจำนวนมากมีความดันโลหิตขนาดนี้ โดยไม่มีอาการผิดปกติ อาการหน้ามืด เวียนศีรษะบ่อยๆ ที่คนส่วนใหญ่ คิดว่าเป็นจาก "ความดันต่ำ" นั้น อาจเกิดจากหลายสาเหตุ มักจะเกิดจากการ ขาดการออกกำลังกาย มากกว่าที่จะเกิดจากภาวะ ความดันโลหิตต่ำ การรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำ ต้องรักษาที่สาเหตุ ไม่ใช่การดื่มเบียร์อย่างที่เข้าใจกัน

Fwd: [Cloud99] กล้วย..ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา (2)



เราได้ทราบประโยชน์ของผลไม้ธรรมดาๆ อย่าง "กล้วย (banana)" มาแล้ว ซึ่งการรับประทานกล้วยเป็นประจำ
นอกจากจะได้ประโยชน์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย








    กล้วยมีธาตุเหล็กสูง จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด ช่วยได้ในกรณีที่มีภาวะโลหิตจาง





    กล้วยมีธาตุโปแตสเซียมสูง แต่มีปริมาณเกลือต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิต เอฟดีเอหรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกายินยอมให้โฆษณาได้ว่ากล้วยเป็นผลไม้พิเศษ ช่วยลดอันตรายที่เกิดจากความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก





    จากการวิจัยที่ลงในวารสาร The New England Journal of Medicine ระบุว่าการรับประทานกล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%





    จากการสำรวจผู้ที่มีความทุกข์ซึ่งเกิดจากความซึมเศร้า หลายคนจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังจากได้รับประทานกล้วย เพราะในกล้วยมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ทริปโตฟาน เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน ซึ่งเป็นตัวผ่อนคลายและปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้น คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง





    ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องรับประทานยาถ่าย






    กล้วยเป็นอาหารที่ใช้ควบคุมการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคืองและยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย





    กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียดท้อง ลองรับประทานกล้วยสักผล จะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้





    การรับประทานกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหารจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า





    วิธีหนึ่งที่จะแก้อาการเมาค้าง ก็คือการดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้กระเพาะอาหารสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา





    ในกล้วยมีวิตามินบีสูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นสาเหตุหนึ่งของการกินจุบกินจิบ เช่น ของหวานประเภทช็อคโกแล็ตและอาหารประเภททอดกรอบต่างๆ คนไข้ 5,000 คนในโรงพยาบาลต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วน และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูงมาก
รายงานสรุปว่า

    เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแบบไม่บันยะบันยังจนเป็นเหตุให้น้ำหนักเกิน เราจึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการรับประทานอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น รับประทานกล้วยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา กล้วยมีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วยสารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้





ความเครียด โปแตสเซียมที่มี อยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล เวลาที่เกิดอารมณ์เครียด อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง




ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะ
ในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ ที่ชื่อว่า ทริปโตฟาน ซึ่งทำให้อารมณ์ดี




การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย กล้วยเป็นผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ ทั้งทางร่างกาย
และจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ คนโบราณจึงมักจะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าทารกที่จะเกิดมามีอุณหภูมิเย็น




โรคหูด การรักษาหูดด้วยวิธีทางเลือกแบบธรรมชาติโดยการใช้เปลือกกล้วยวางปิดลงไปบนหูด แล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ ใครจะลองใช้วิธีนี้ดูก็ไม่น่าจะมีอันตราย



อย่างไรก็ตาม แม้ว่า "กล้วย" จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการผิดปกติบางอย่างของร่างกายได้ แต่ต้องไม่ลืมรักษาหรือแก้ไขที่ต้นเหตุของอาการป่วยก่อน แล้วจึงใช้กล้วยเป็นตัวช่วยค่ะ

โดย เอมอร คชเสนี

ပလတ္စတစ္အိတ္သြတ္ၿမိတ္ေဒၚလာ တနသၤာရီတုိင္းမွာတြင္က်ယ္

September 3rd, 2008 ref from http://komyo.burmachannel.com
NEJ/ ၂ စက္တင္ဘာ ၂၀၀၈

စစ္အစိုးရထုတ္ေဝထားသည့္ ေငြအေႂကြစကၠဴ ရွားပါးမႈေၾကာင့္ တနသၤာရီတိုင္းရွိ ၿမိတ္၊ ပုေလာႏွင့္ ၿမိဳ႕အခ်ဳိ႕တြင္ ၿမိတ္ေဒၚလာဟုေခၚဆိုေသာ ျပဳျပင္ထားသည့္ ေငြစကၠဴမ်ားကို တြင္တြင္က်ယ္က်ယ္ အသံုးျပဳေနၾကေၾကာင္း ၿမိဳ႕ခံမ်ားက ေျပာသည္။

ၿမိဳ႕ခံတဦးက "ၿမိတ္ေဒၚလာဆိုေပမယ့္ အေထြအထူးေတာ့ မဟုတ္ပါဘူး။ စုတ္ၿပဲ ေဟာင္းႏြမ္းေနတဲ့ (၁ဝ) က်ပ္၊ (၂ဝ) က်ပ္၊ (၅ဝ) က်ပ္၊ (၁ဝဝ) က်ပ္နဲ႔ (၂ဝဝ) က်ပ္တန္ ေငြစကၠဴေတြကို ပလတ္စတစ္အိတ္ အၾကည္ေလးထဲမွာထည့္၊ မီးနဲ႔ ပိတ္ထားတဲ့ ေငြေတြကို သံုးစဲြေနၾကတာပါ။ ဘယ္သူက စလိုက္တာ မသိေပမယ့္ ခုေတာ့ ၿမိတ္နဲ႔ အျခားၿမိဳ႕ အေတာ္ မ်ားမ်ားမွာ တြင္တြင္က်ယ္က်ယ္ သံုးေနၾကၿပီ။ ပလတ္စတစ္အိတ္ထဲ ထည့္ထားတဲ့ ေငြစကၠဴ ဘယ္ေလာက္စုတ္စုတ္ လူေတြက နားလည္မႈရွိရွိနဲ႔ ယူၾကတယ္" ဟု ေျပာသည္။

ယခုကဲ့သုိ႔ ပလတ္စတစ္အိတ္သြတ္ ေငြစကၠဴမ်ား မသံုးစဲြခင္က ၿမိတ္ၿမိဳ႕တြင္ ေစ်းဝယ္ၿပီး အေႂကြျပန္အမ္းရန္မရွိပါက သၾကားလံုး၊ ေဆးလိပ္၊ တစ္သွ်ဴးစကၠဴ စသည္တုိ႔ျဖင့္ ေပးေခ်ေၾကာင္း၊ ဟင္းသီးဟင္းရြက္သည္က ဟင္းသီးဟင္းရြက္၊ ကုန္ေျခာက္ဆိုင္က မဆလာ၊ င႐ုပ္သီး စသည္တို႔ျဖင့္ ေပးေခ်သည့္အတြက္ မလိုခ်င္ေသာ္လည္း ယူေနရသျဖင့္ ေငြကုန္ေၾကးက်မ်ားေၾကာင္း၊ ေငြစကၠဴအစုတ္မ်ားကို ဘဏ္မ်ားက လဲမေပးဘဲ အသစ္လည္း မထုတ္ေသာေၾကာင့္ စုတ္ျပတ္ေဟာင္းႏြမ္းေနသည့္ ေငြစကၠဴမ်ားကို ကိုင္မသံုးလိုၾကသျဖင့္ ပလတ္စတစ္အိတ္ထဲ ထည့္သံုးရာတြင္ အဆင္ေျပေၾကာင္း ၿမိဳ႕ခံမ်ားက ေျပာသည္။


ေငြစကၠဴအေႂကြ ရွားပါးသည့္ ျပႆနာ ႀကံဳေနရသည္မွာ ၿမိတ္ၿမိဳ႕တခုတည္းမဟုတ္ဘဲ ျမန္မာႏိုင္ငံ အႏွံ႔အျပားတြင္ ျဖစ္သည္။ စစ္အစိုးရက (၅၊ ၁ဝ၊ ၂ဝ၊ ၅ဝ၊ ၁ဝဝ၊ ၂ဝဝ) က်ပ္တန္ေငြစကၠဴအသစ္မ်ား ထပ္မံ႐ိုက္ႏွိပ္ထုတ္ေဝျခင္း မရိွသျဖင့္ ႏိုင္ငံအတြင္း ေငြစကၠဴအေႂကြ တစတစ ရွားပါးလာျခင္း ျဖစ္သည္။

ၿပီးခဲ့သည့္ ၾသဂုတ္ (၁၃) ရက္မွစၿပီး က်ပ္ (၅ဝ) တန္ႏွင့္ (၁ဝဝ) တန္ ေငြစကၠဴမ်ားကို တန္ဖိုးတူ သတၱဳအေႂကြေစ့မ်ားျဖင့္ ေနျပည္ေတာ္ ပ်ဥ္းမနား စီးပြားေရးဘဏ္က လဲေပးေနသည္။ သို႔ေသာ္ (၁,ဝဝဝ) တန္၊ (၅ဝဝ) တန္မ်ားကုိ ေငြအေႂကြ လဲေပးျခင္းမ်ဳိးမဟုတ္ဘဲ (၅ဝ) က်ပ္တန္ေငြစကၠဴကို (၅ဝ) တန္ သတၱဳေစ့၊ (၁ဝဝ) တန္ေငြစကၠဴေဟာင္းကို (၁ဝဝ) တန္ သတၱဳေစ့ျဖင့္ လဲေပးသည့္အတြက္ သတၱဳအေႂကြေစ့မ်ား ေပါေပါမ်ားမ်ား ထြက္မလာေသးေၾကာင္း သိရသည္။

ၿပီးခဲ့သည့္ ရက္ပိုင္းက ေနျပည္ေတာ္ သေျပကုန္းေစ်းတြင္ က်ပ္ (၃ဝဝ) တန္ ေရသန္႔တဘူး ဝယ္ေသာက္သူတဦးက ဆိုင္ရွင္ကို က်ပ္ (၅ဝဝ) တန္ ေပးလိုက္ရာ အေႂကြမရိွဟုဆိုကာ က်ပ္ (၂ဝဝ) ဖိုးကို မုန္႔တခုႏွင့္ပီေက တခု ျပန္အမ္းေၾကာင္းေျပာသည္။ ေနျပည္ေတာ္၌လည္း ေငြစကၠဴအေႂကြကိစၥ ေျပလည္မႈမရွိေၾကာင္း သိရသည္။

ျမန္မာႏိုင္ငံတြင္ ဘဏ္ခ်က္လက္မွတ္၊ ေငြထုတ္ကတ္ျပား၊ အလိုအေလ်ာက္ ေငြထုတ္စက္တုိ႔ မရွိသည့္အတြက္ ေငြစကၠဴမ်ားကုိ အေျမာက္အျမား ႐ိုက္ႏွိပ္သံုးစဲြ ေနရၿပီး အျမင့္ဆံုး ေငြစကၠဴသည္ က်ပ္ (၁,ဝဝဝ) တန္ ျဖစ္သည့္အတြက္ ေရႊ၊ ကား၊ တိုက္ခန္းႏွင့္ တန္ဖိုးႀကီးပစၥည္းမ်ား ဝယ္သည့္အခါ ေငြစကၠဴမ်ားကို ေႁမြေရခံြအိတ္ထဲထည့္ၿပီး ေပးေခ်ေလ့ ရွိၾကသည္။

ေကာ့ေသာင္းမွာ ဆန္ (၁၀) ျပည္ထက္ ပုိမေရာင္းရ၊ ဗိုလ္ခ်ဳပ္သာေအး ေကာ့ေသာင္းလာၿပီးမွ ဆန္ေစ်းပုိတက္

September 12th, 2008 by http://komyo.burmachannel.com
ကုိ၀ုိင္း/ ၁၁ စက္တင္ဘာ ၂၀၀၈။ ။

ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕သို႔ ယခုလဆန္းပိုင္းက ကာကြယ္ေရး၀န္ႀကီးဌာနမွ ဗိုလ္ခ်ဳပ္သာေအး ေရာက္ရွိလာၿပီး လူထုသက္သာ ေခ်ာင္ခ်ိေရး ေျပာဆုိသြားေသာ္လည္း ဆန္ေစ်းမ်ား ေန႔စဥ္တက္ေနသျဖင့္ စားသံုးသူႏွင့္ ဆန္ကုန္သည္မ်ား စိတ္ပ်က္ေန ေၾကာင္း ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕ခံကုန္သည္တဦးက ေျပာသည္။

၎က "ဆန္ေစ်းေတြက တက္ပါတယ္။ ေန႔တိုင္း တေန႔ခ်င္းကို တတင္းခြဲ တအိတ္ကို က်ပ္ (၂) ေထာင္၊ (၃) ေထာင္ၾကား တက္ေနတယ္။ အဲဒါေတြက လူႀကီးမိန္႔ခြန္းေျပာၿပီး ေနာက္ေန႔ေတြမွာျဖစ္လာတဲ့ အက်ဳိးအျမတ္ေလးေပါ့။ ဆန္ၾကမ္း၊ ဆန္ေခ်ာ၊ ဆန္လတ္ အကုန္တက္တာ" ဟု ေျပာသည္။

ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕သို႔ ယခုလ (၂) ရက္မွ (၅) ရက္အထိ ေရာက္ရွိခဲ့သည့္ ဗိုလ္ခ်ဳပ္သာေအးက မဥၹဴသကခန္းမ၌ ၀န္ထမ္းမ်ား၊ ရ၀တမ်ားက ေရြးခ်ယ္သူ အမ်ားစုပါသည့္ အရပ္သားမ်ားႏွင့္ သီးသန္႔စီေတြ႕ဆံုခဲ့ၿပီး ေဒသခံမ်ား စား၀တ္ေနေရး ေခ်ာင္လည္ေစရန္ ရည္ရြယ္၍ စီးပြားေရး လမ္းဖြင့္ေပးေရး၊ စိုက္ပ်ဳိးေရးလုပ္ငန္းမ်ား အဆင္ေျပေစေရး ေျပာဆို ေဆြးေႏြးသြားသည္။ သို႔ေသာ္ ၎ျပန္သြားသည္ႏွင့္ ဆန္၊ ကြမ္းသီး၊ ဆားတို႔ကို ကန္႔သတ္ ဖမ္းဆီးမႈမ်ား ျဖစ္ေပၚလာၿပီး ဆန္ေစ်းမ်ားလည္း တက္သြားျခင္းျဖစ္သည္။


ၿမိဳ႕ခံကုန္သည္က "သူတို႔ကို ယံုၾကည္ဖို႔အတြက္ ေျပာသြားတာေပါ့။ သူတို႔နဲ႔ ပူးေပါင္းခ်င္ေအာင္ ျပည္သူလူထုကို ဆြဲေဆာင္ဖို႔အတြက္ ၀န္ထမ္းေတြကို မိန္႔ၾကားသြားတာေပါ့။ ျပည္သူလူထုကိုလည္း ေတြ႔ဆံုႏႈတ္ဆက္ပြဲ လုပ္တယ္ေလ။ ဒီအတိုင္းပဲေပါ့။ ဘာေတြ အခက္အခဲရွိလည္း၊ ၿခံစိုက္ဖို႔ အသီးႏွံမရွိဘူးလား၊ ၿခံမရွိဘူးလား၊ ေျမမရွိဘူးလား၊ ေျမလိုရင္ ေျမေပးမယ္၊ ေငြလိုရင္ ေငြထုတ္ေခ်းမယ္၊ ယံုၾကည္ေအာင္ေတာ့ ေျပာသြားတာေပါ့ေလ" ဟု ေျပာသည္။

ထို႔အျပင္ ဆန္တင္ပို႔မႈ ေရာင္းခ်မႈကိုလည္း အာဏာပိုင္မ်ားက ပိတ္ပင္မႈမ်ား ျပဳလုပ္ထားသျဖင့္ ဆန္ေစ်းမွာ ဆက္တက္ရန္သာ ရွိေၾကာင္း အဆိုပါကုန္သည္က ေျပာသည္။

၎က "ေရွ႕ေလွ်ာက္ ပိုတက္ဖို႔ပဲရွိတယ္။ ဆန္ကုန္သည္ေတြ အားလံုးေျပာၿပီးၿပီ။ ဘာျဖစ္လို႔လည္းဆိုေတာ့ အဆင္းဆန္ကို ပိတ္လိုက္ၿပီေလ။ ထား၀ယ္-ေကာ့ေသာင္း ဆင္းလာတဲ့ဆန္ကို ပိတ္လိုက္ၿပီ။ ရန္ကုန္-ေကာ့ေသာင္း ဆင္းလာတဲ့ ဆန္ပါမစ္ ေတြကိုလည္း ပိတ္လိုက္ၿပီ။ ေလွေတြမွာ ဆန္မပါလာေတာ့ပါဘူး" ဟုေျပာသည္။

ထို႔အျပင္ ဆန္ကုန္သည္ႀကီးမ်ားအသင္းႏွင့္ ေဒသခံ မယက၊ ခယက တို႔ကလည္း ယမန္ေန႔၌ ၫႊန္ၾကားလႊာတေစာင္ ပူးတြဲထုတ္ျပန္လိုက္ၿပီး ၿမိဳ႕တြင္း ဆန္ေရာင္း၀ယ္မႈကိုလည္း ထိန္းခ်ဳပ္လိုက္ေသာေၾကာင့္ ဆန္ကုန္သည္မ်ားႏွင့္ ၿမိဳ႕ခံစားသံုးသူမ်ားသာမက ပင္လယ္အတြင္း ေလွလိုက္ေနသူမ်ားအတြက္ပါ အခက္အခဲမ်ား ပိုမိုျဖစ္လာေစသည္ဟု သိရသည္။

ၿမိဳ႕ခံကုန္သည္က "ဆန္ (၁၀) ျပည္ထက္ ပိုမေရာင္းရဘူး။ ေရာင္းထားၿပီးရင္ အဲဒီလူရဲ႕ လိပ္စာကို ေသခ်ာ အတိအက် ယူရမယ္။ ကိုယ့္ဆိုင္မွာ ဆန္ (၁၀) အိတ္ထက္ပိုၿပီး မထားရဘူး။ ထားမယ္ဆိုရင္ မယကကို အေၾကာင္းၾကားၿပီးမွ ထားရပါလိမ့္မယ္။ ၿပီးေတာ့ ကၽြန္းေလွတစင္းမွာ အနည္းဆံုး ဆန္အိတ္ (၁၀၀) ေလာက္ ဆင္းသြားမွ ကၽြန္းသမားေတြ ထမင္းစားလို႔ရမွာေပါ့။ ဒီဆန္ (၁၀) အိတ္က ဘာလုပ္လို႔ရမွာလည္း (၁၀) ရက္စာပဲ ရမွာေပါ့၊ ၿမိဳ႕ထဲက လူေတြလည္း တန္းစီၿပီး ဆန္၀ယ္စားေပါ့။ ဆန္ကုန္သည္ေတြလည္း တအားစိတ္ညစ္ေနၿပီ" ဟု ေျပာသည္။

ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕၏ ယေန႔ဆန္ေစ်းႏႈန္းသည္ ဆန္ၾကမ္း၊ ဆန္လတ္၊ ဆန္ေခ်ာ အလိုက္ တအိတ္ (၂) ေသာင္းခြဲ၊ (၃) ေသာင္းခြဲ၊ (၄) ေသာင္း၊ (၅) ေသာင္း အစားစားရွိၿပီး ေန႔စဥ္တက္ေနေသာ္လည္း ၿမိဳ႕ခံမ်ား၏ စီးပြားေရးလုပ္ငန္းမ်ားမွာမူ က်ဆင္းလ်က္ရွိေၾကာင္း သိရသည္။

ေကာ့ေသာင္းတြင္ စက္ေလွမီးေလာင္ က်ပ္သိန္းတစ္ေထာင္ေက်ာ္ ဆံုးရံႈး

ခြန္ေအာင္ျမတ္။ Network Media Group
စက္တင္ဘာလ ၁၀ ရက္၊ ၂၀၀၈ ခုႏွစ္။

ျမန္မာႏိုင္ငံေတာင္ပိုင္း ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕တြင္ ယမန္ေန႕ည ၉ နာရီခြဲခန္႕အခ်ိန္ စက္ေလွတစ္စီး မီးေလာင္သျဖင့္ က်ပ္သိန္းတစ္ေထာင္ေက်ာ္ ဆံုးရံႈးသည္ဟု ေကာ့ေသာင္း စက္ေလွသမားမ်ားက ေျပာသည္။

ထုိင္း-ျမန္မာနယ္စပ္ရွိ ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕မွ စက္ေလွသည္ ထုိင္းဘက္ျခမ္းျဖစ္သည့္ ရေနာင္းၿမိဳ႕သို႕ ပင္လယ္ထြက္ ပစၥည္းျဖစ္သည့္ ငါး၊ ပုဇြန္မ်ားကို ေရာင္းၿပီး အျပန္ ေကာ့ေသာင္းဆိပ္ကမ္းအနီးတြင္ ဓာတ္ဆီအတင္အခ် ျပဳလုပ္ စဥ္အတြင္း ေဆးလိပ္မီးမွ တဆင့္ ကူးစက္ေလာင္ကြၽမ္း ျခင္းျဖစ္သည္။


"ရြာကေနၿပီးေတာ့ ပစၥည္းလာေရာင္းတဲ့ေလွ ငါးေတြ၊ ဘာေတြ လာေရာင္းတာ၊ ဟိုး(ထုိင္း) ဖက္ကမ္း ကို ေရာင္း ေရာင္းၿပီးေတာ့ ျပန္လာ၊ ျပန္လာၿပီးေတာ့ ဒီမွာ ဆီခ်တာေပါ့။ ဓာတ္ဆီခ်တာ ကေနၿပီး ေတာ့ ေဆးလိပ္မီးေၾကာင့္ ေလာင္သြားတာ။ ေရလယ္ကို ေမာင္းထုတ္ လုိက္တာ ေမာင္းထုတ္လုိက္ ၿပီးေတာ့ အေလာင္ခံလိုက္တာ။ မီးက မႏိုင္ေတာ့ဘူးေလ။ အပ်က္အဆီးဆိုလို႕ ေလွကေတာ့ အကုန္ လံုးပါသြားတယ္၊ လူကေတာ့ ဘာမွမျဖစ္ဘူး။ ကမ္းစပ္မွာ ျဖစ္တာ။ " ဟု ေကာ့ေသာင္း စက္ေလွသမား တဦးက ေျပာသည္။

မီးေလာင္ကြၽမ္းသည့္ စက္ေလွသည္ ဘုတ္ျပင္းၿမိဳ႕နယ္ အလယ္မာန္ကြၽန္း ဦးေမာင္ႀကီး ပိုင္ဆုိင္သည့္ေလွျဖစ္ၿပီး ထုိင္းႏိုင္ငံ ရေနာင္းတြင္ သား၊ ငါး၊ ပုဇြန္မ်ားကို တင္ပို႕ေရာင္း ခ်ၿပီး ထုိင္းႏုိင္ငံမွ အိမ္သံုးပစၥည္းမ်ားျဖစ္သည့္ စား အံုးဆီ၊ ဒီဇယ္ႏွင့္ အျခားပစၥည္းမ်ား တင္ေဆာင္လာခဲ့သည္။

မီးေလာင္ကြ်မ္းမႈအေျခအေနကို ေကာ့ေသာင္းၿမိဳ႕ခံတဦးက ယခုလို ေျပာသည္။

"မီးေလာင္ေတာ့ ေလွမွာပါလာတဲ့ စားဆီေတြ၊ ဓာတ္ဆီေတြ ေလာင္တဲ့ ဥစၥာေတြက ၉ နာရီ ခြဲက ျဖစ္ တဲ့ ဥစၥာ မီးက ဘယ္အခ်ိန္ေလာက္မွာ ေသသြားမွန္းမသိ က်ေနာ္တို႕ အိပ္ေပ်ာ္သြားၿပီ။ မနက္သံုးနာရီ အထိ မီးေလာင္တယ္လို႕ ေျပာတာပဲ။ အခုက ေလွႀကီးက ဟိုး ကြၽန္းက လူ၀င္မႈႀကီးၾကပ္ေရးရံုးနဲ႕ သိပ္ မေ၀းပါဘူး။ အဲဒီနားမွာ ေသာင္တင္ၿပီးေတာ့ ျမဳပ္ေနတယ္။ ပစၥည္းေတြကေတာ့ အားလံုး ဆံုးရံႈးတာ ေပါ့။ လူကေတာ့ မေသပါဘူး။ ကမ္းနားမွာဆိုေတာ့ လူေတြက ခုန္ခ်၊ ေျပးတဲ့လူလည္း ေျပးကုန္ၾကၿပီ လို႕ ၾကားတယ္။"

စက္ေလွ မီးေလာင္မႈႏွင့္ပတ္သက္၍ ေကာ့ေသာင္းအာဏာပိုင္မ်ားက စစ္ေဆးေမးျမန္းမႈ ျပဳလုပ္ေသာ္လည္း စက္ ေလွပိုင္ရွင္ႏွင့္ ပါလာသူမ်ားမွာ ထြက္ေျပးလြတ္ေျမာက္ေနဆဲဟု အာဏာပိုင္ႏွင့္ နီးစပ္သူက ေျပာသည္။

တနသၤာရီတုိင္းအတြင္းရွိ ကြၽန္းစု ရြာမ်ားက စက္ေလွမ်ားသည္ ထုိင္းႏုိင္ငံ ရေနာင္း ၿမိဳ႕သို႕ ေရထြက္ပစၥည္းမ်ား သြားေရာက္ေရာင္းခ်ၿပီး ျမန္မာျပည္သို႔ စားအုန္းဆီ၊ အခ်ဳိမႈန္႕၊ ဓာတ္ဆီႏွင့္ အျခား လူသံုးကုန္ပစၥည္းမ်ားကို ၀ယ္ ယူသယ္ေဆာင္ေလ႔ ရိွသည္။

Make Me Babies

via gHacks technology news by Martin on 9/3/08

Have you ever wondered how your babies would look like if you would have one with your partner? Now you can find out at the Make Me Babies website. Just upload a photo of yourself and your partner, wait a moment and take a look at a picture that could show your future child. Think it would be pretty funny if the developers of Make Me Babies would get sued by a couple who expected their baby to look like the generated picture but did not.

Could also be a nice way to determine if you are really the father of a baby.. Sorry, just kidding. The user simply uploads at least one picture and either uploads a second picture or picks the face of a celebrity from the celeb database.

If you ever wondered how your baby with Brad Pitt, Angelina Jolie, Paris Hilton or Johnny Depp would like then here is your change to find it out.

make me babies

The user can pick a baby frame, select a gender and name for the baby before the baby morphing technology steps in and creates the face of the could be baby.

This is an interesting idea for couples who like to discuss how their children will look like but also for others who love to find out about it. Neat idea.

Make Me Babies

ရခိုင္ျပည္နယ္ ကမ္း႐ိုးတန္းတစ္ေလ်ာက္တြင္္္ ပင္လယ္ေရေမႇာ္မ်ားသဘာ၀အေလ်ာက္မ်ားစြာေပါက္ ေရာက္ေန

ရခိုင္ျပည္နယ္ကမ္း႐ိုးတန္း တစ္ေလ်ာက္တြင္ ပင္လယ္ေရေမႇာ္ မ်ားသဘာ၀အေလ်ာက္မ်ားစြာေပါက္ ေရာက္လ်က္ရႇိေနေၾကာင္းႏႇင့္ေဒသ တြင္းႏိုင္ငံအခ်ဳိ႕၌ ပင္လယ္ေရေမႇာ္ ကို စိုက္ပ်ဳိးေမြးျမဴ၍ ကုန္ေခ်ာထုတ္ လုပ္ကာ ကမၻာ့ေစ်းကြက္သို့ထိုး ေဖာက္ၿပီး ႏိုင္ငံျခား၀င္ေငြမ်ားရႇာေဖြ လ်က္ရႇိေၾကာင္း သိရႇိရပါသည္။

ရခိုင္ျပည္နယ္မႇထြက္ရႇိသည့္ ပင္လယ္ေရေမႇာ္မ်ားကိုအသံုးျပဳလုပ္ ကိုင္သည့္ ေက်ာက္ေက်ာစက္႐ံုတစ္ ခုကို ၁၉၇၅ ခုႏႇစ္မႇ ၁၉၈၀ ျပည့္ ႏႇစ္၀န္းက်င္က သံတြဲၿမိဳ႕ျပင္ေက်း ရြာ၌တည္ေဆာက္ထုတ္လုပ္ခဲ့ ေၾကာင္းႏႇင့္ယင္းအခ်ိန္က ကုန္ၾကမ္း ကို ကန့္သတ္ေစ်းျဖင့္ေပး၀ယ္ခဲ့၍ ရႇာေဖြသူနည္းပါးခဲ့ေၾကာင္း သိရ သည္။ ကမ္း႐ိုးတန္းေဒသခံမ်ားမႇာ ပင္လယ္ေရေမႇာ္ကို တစ္ပိုင္တစ္ႏိုင္ သာ ထုတ္လုပ္ေရာင္းခ်ေနၾကၿပီး ကုန္ၾကမ္းရရႇိမႈအေန အထားကိုေလ့ လာကာ ေဒသတြင္ ေက်ာက္ေက်ာ စက္႐ံုတည္ေထာင္ႏိုင္ပါက ေဒသ တြင္းအလုပ္အကိုင္အခြင့္အလမ္း မ်ားလည္း ျဖစ္ေပၚလာမည္ျဖစ္ ေၾကာင္း ေလ့လာသူမ်ားကသံုးသပ္ ၾကပါသည္။

ရခိုင္ျပည္နယ္တြင္ ေက်ာက္ ေက်ာမ်ားကို ရမ္းျဗဲကြၽန္း၊ မာန္ ေအာင္ကြၽန္း၊ ျဖဴကြၽန္း၊ စတုကြၽန္း၊ ရဲကြၽန္း၊ တိုက္ကြၽန္း၊ အုန္းတစ္ပင္ ကြၽန္းမ်ားတစ္ေလ်ာက္ အေျမာက္ အျမားရရႇိႏိုင္ေၾကာင္း သိရသည္။ ကမၻာ့ႏိုင္ငံအသီးသီး၏ ပင္လယ္ ကမ္း႐ိုးတန္းေဒသမ်ားတြင္ ေပါက္ ေရာက္ျဖစ္ထြန္းေနသည့္ ပင္လယ္ ေရေမႇာ္မ်ဳိးစိတ္ေပါင္း ၃၀၀ ခန့္ရႇိ ေၾကာင္းသိရၿပီး ဂ်ပန္ႏုိင္ငံသည္ ေရ ေမႇာ္ေက်ာက္ပြင့္မ်ားကို စိုက္ပ်ဳိး ထုတ္လုပ္၍ ကုန္ေခ်ာျပဳျပင္ထုတ္ လုပ္ေရာင္းခ်လ်က္ရႇိေၾကာင္း သိရ သည္။ ျမန္မာႏိုင္ငံ၌ တနသၤာရီတိုင္း တြင္ ပင္လယ္ေရေမႇာ္ေမြးျမဴမႈမ်ား ျပဳလုပ္ေနၿပီး ရခိုင္ျပည္နယ္ေတာင္ ပိုင္း ေက်ာက္ျဖဴ၊ ရမ္းျဗဲၿမိဳ႕နယ္မ်ား ၌လည္း လိုအပ္သည့္ စမ္းသပ္မႈမ်ား ျပဳလုပ္ကာ ေမြးျမဴရန္ႀကိဳးစားသင့္ ေၾကာင္း သိရသည္။

Weekly Eleven သားေရႊဦး (ကစၧပ)

You received this email because you are subscribed to the real_time feed for http://kawthoung.blogspot.com/feeds/posts/default. To change your subscription settings, please log into RSSFWD.